TikTok คงจะต้องลาก่อน: เกี่ยวอะไรกับความมั่นคงแห่งชาติ

TikTok to launch court action over Donald Trump's crackdown ที่มาภาพ: https://www.theguardian.com/technology/2020/aug/23/tiktok-to-launch-court-action-over-donald-trumps-crackdown


สังคมที่เปิดกว้างจะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากที่สุดในอนาคต ประเทศที่เศรษฐกิจเปิดกว้างให้ความสำคัญกับผู้หญิงและสร้างพื้นที่ให้ผู้ประกอบการคือ ประเทศที่จะเติบโตรวดเร็วที่สุด....ขอย้ำอีกครั้งว่าอย่าเป็นพวกบ้าอำนาจในศตวรรษที่ 21 เพราะความเจริญรุ่งเรืองในอนาคตขึ้นอยู่กับการมอบพลังให้ผู้คน Alec J. Ross


ข้อพิพาทระหว่างสหรัฐฯกับจีนขยายตัวไปสู่สังคมออนไลน์ (social media) เมื่อประธานธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกคำสั่งฝ่ายบริหารโดยมุ่งเป้าที่แอปยอดนิยม TikTok[1] จังหวะเวลาของคำสั่งดังกล่าวเป็นเรื่องทางการเมืองและการปกป้องทางการค้า แต่ TikTok ก็เหมือนบริษัทสื่อสังคมอื่น ๆ ที่เก็บเกี่ยวข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ แม้ข้ออ้างของรัฐบาลทรัมป์ไม่ตรงประเด็น แต่ TikTok ก็ไม่น่าจะเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม การแพร่ขยายข้อมูลบิดเบือน (disinformation) และความเป็นไปได้ที่จีนมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจกลั่นกรองเนื้อหาในแอป TikTok เป็นประเด็นที่น่ากังวลมากที่สุด[2]

          เมื่อต้นสิงหาคม 2020 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ออกคำสั่งฝ่ายบริหาร เพื่อควบคุม TikTok สื่อสังคมออนไลน์ที่กำลังเติบโตเจ้าของคือ ByteDance ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของจีน ซึ่งให้บริการแอปพลิเคชันทำคลิปวิดีโอสั้น ขณะที่คำสั่งของทรัมป์อ้างความชอบธรรมด้านความมั่นคงในการจัดการกับ TikTok แต่ก็มีหลักฐานเพียงเล็กน้อยที่แสดงว่าแอปพลิเคชันดังกล่าวมีอันตรายที่ชัดเจนต่อผลประโยชน์แห่งชาติด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ

คำสั่งดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ภายใน 45 วันนับจาก 6 สิงหาคม 2020 นอกจากห้ามแบ่งปันแอปพลิเคชันวิดิโอบนมือถือ ยังห้ามการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับบุคคลในสหรัฐฯและ TikTok ด้วย การห้าม TikTok เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ Microsoft กำลังเจรจาเพื่อซื้อ TikTok และด้วยเหตุนี้จึงเป็นไปได้ที่สหรัฐฯจะได้ประโยชน์ที่สำคัญในการเจรจาต่อรอง

การห้ามใช้ TikTok ในสหรัฐฯซึ่งมีการดาวน์โหลดมากกว่า 175 ล้านครั้งจะส่งผลกระทบอย่างเป็นสำคัญต่อรายได้ของ ByteDance เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่ของ TikTok มาจากการโฆษณา สงครามเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ – จีนเกิดขึ้นไล่เลี่ยกับที่ Facebook ปั่นกระแส Instagram Reels แอปพลิเคชันที่ให้ผู้ใช้สร้างวิดีโอ “ความบันเทิงสั้น” เมื่อ 5 สิงหาคม 2020

จังหวะเวลาและแรงจูงใจของคำสั่งห้าม TikTok ของทรัมป์มีกลิ่นอายการเมืองและการปกป้องทางการค้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาใกล้การเลือกตั้งประธานาธิบดี ประเด็นหลักเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของประธานาธิบดีทรัมป์คือ ความสามารถในการควบคุมอิทธิพลของจีนที่เพิ่มขึ้นระดับโลก มีรายงานว่า TikTok ละเมิดกฎหมายของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ในปี 2019 หน่วยงานกำกับดูแลของรัฐบาลกลางอ้างว่า TikTok ละเมิดกฎหมายความเป็นส่วนตัวทางออนไลน์ของเด็กโดยมีการรวบรวมชื่อ ที่อยู่อีเมล วิดีโอและข้อมูลส่วนบุคคล อื่น ๆ ของเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปีโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง

ความผิดพลาดของ TikTok ส่งผลให้มีการเจรจาตกลงกันระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯและ TikTok นอกจากนี้ TikTok ไม่ได้แตกต่างจากแอปพลิเคชันสื่อสังคมอื่น ๆ รวมทั้งแอปพลิเคชันของบริษัทในสหรัฐฯ TikTok รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้ซึ่งไม่จำกัดเพียงข้อมูลระบุตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ (GPS) รายชื่อผู้ติดต่อทางโทรศัพท์และการเข้าถึงแอปพลิเคชันบนมือถืออื่น ๆ

การใช้ประโยชน์จากข้อมูลเหล่านี้ ซึ่งได้รับอนุญาตจากผู้ใช้ เมื่อพวกเขาเลือกใช้นโยบายความเป็นส่วนตัวของแอปถือเป็นความสำเร็จของบริษัทสื่อสังคมรวมถึง Facebook ซึ่งรวบรวมรายละเอียดแบบเดียวกัน เพื่อช่วยปรับแต่งการโฆษณาบนแพลตฟอร์มของตน ด้วยเหตุนี้ TikTok จึงไม่เป็นภัยคุกคามต่อความเป็นส่วนตัวส่วนบุคคลมากหรือน้อยไปกว่าบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐฯที่ปฏิบัติตามกฎเดียวกันอยู่แล้ว

เกือบสามปีที่แล้ว ByteDance ได้ซื้อบริษัท Musical.ly ในสหรัฐฯและในปี 2018 ก็เปลี่ยนชื่อเป็น TikTok สร้างแพลตฟอร์มวิดีโอบนมือถือ ในช่วงเวลาของการเข้าซื้อกิจการ คณะกรรมการการลงทุนจากต่างประเทศในสหรัฐฯ (Committee on Foreign Investment in the United States - CFIUS) ซึ่งเป็นหน่วยงานตรวจสอบการลงทุนและธุรกรรมจากต่างประเทศและพิจารณาข้อกังวลด้านความมั่นคงแห่งชาติ ยังไม่ได้ตรวจสอบการซื้อบริษัทของ ByteDance

ในช่วงปลายปี 2019 สำนักข่าวแห่งชาติอธิบายว่า CFIUS กำลังดำเนินการตรวจสอบย้อนหลังเกี่ยวกับการซื้อ Musical.ly ของ ByteDance อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาของคำสั่งบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์เมื่อเร็ว ๆ นี้ CFIUS ยังตรวจสอบไม่เสร็จ ไม่ว่าในกรณีใดคำสั่งซื้อล่าสุดอาจมีผลกระทบมากกว่าการลงความเห็นของ CFIUS เป็นไปได้ที่ CFIUS ไม่สามารถตรวจพบภัยคุกคามด้านความมั่นคงแห่งชาติใด ๆ ที่เกิดขึ้นจาก TikTok

คาดเว่าหากได้รับการร้องขอ TikTok อาจส่งมอบข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนที่สามารถระบุตัวตนได้ไปให้บริษัทแม่ ByteDance เพื่อตอบสนองต่อข้อกังวลเหล่านั้น TikTok อ้างว่าจะปฏิเสธคำขอดังกล่าวและอธิบายว่าทางการจีนไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ TikTok เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวถูกเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์ที่สหรัฐฯและสิงคโปร์ ข้อมูลประชากรของผู้ใช้ TikTok ร้อยละ 41 มีอายุระหว่าง 16 - 24 ปี ดูเหมือนว่าข้อมูลที่ละเอียดอ่อนจะไม่ถูกเปิดเผยต่อปักกิ่งแม้ ByteDance จะบังคับ TikTok ก็ตาม

ปัจจุบันข้อบกพร่องที่เร่งด่วนที่สุดของ TikTok คือความพยายามที่ไม่สม่ำเสมอในการกลั่นกรองเนื้อหาของผู้ใช้ซึ่งเป็นข้อบกพร่องที่ส่งผลกระทบต่อ Facebook, Twitter และ YouTube ผู้ใช้ TikTok ทำให้ทฤษฎีสมคบคิดฝ่ายขวากรณี PizzaGate ที่น่าอับอายในปี 2016 กลับมาแพร่ระบาดอีกครั้งในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ในช่วงปลายปี 2019 และในปี 2020 มีรายงานว่าผู้ดูแลเนื้อหา TikTok รู้สึกถูกกดดันให้ลบวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับการประท้วงในฮ่องกง

การแพร่กระจายของข้อมูลบิดเบือนเช่น การสมคบคิดกรณี PizzaGate ควบคู่ไปกับการเซ็นเซอร์วิดีโอ TikTok ของรัฐบาลจีนที่เป็นไปได้นั้นเป็นข้อมูลที่สำคัญ ถึงกระนั้น TikTok ก็ดำเนินการกลั่นกรองเนื้อหาอย่างรวดเร็วเพื่อต่อต้านการแพร่กระจายของการสคบคิดบนแพลตฟอร์ม โดยบล็อกผู้ใช้ไม่ให้ใช้แฮชแท็กที่เกี่ยวข้องกับ PizzaGate

การห้าม TikTok อาจเป็นเรื่องใหม่ จากการศึกษาย้อนหลังเกือบ 20 ปี โดยมีข้อเท็จจริงที่คล้ายกันมากกว่า 75 กรณี เกี่ยวข้องมากกว่า 31 ประเทศ ที่มีการการห้ามผลิตภัณฑ์และบริการที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางไซเบอร์เสนอแนะว่า แนวโน้มในปัจจุบันสร้างความกังวลให้กับองค์กรธุรกิจที่มีขอบเขตการดำเนินงานระหว่างประเทศ ผู้บริหารธุรกิจไม่เพียงต้องปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติที่ดี เพื่อปรับปรุงความปลอดภัยทางไซเบอร์ของผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลของตนเท่านั้น ยังต้องเตรียมพร้อมสำหรับความเสี่ยงทางการเมืองด้วย ทั้งผู้จัดการและผู้บริโภคอาจเผชิญการหยุดชะงักอย่างรุนแรงของการค้าระหว่างประเทศ[3]

ความท้าทายอีกประการหนึ่งคือ การออกคำสั่งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์มีแนวโน้มทำให้เกิดความสงสัยเกี่ยวกับอิทธิพลของจีนที่มีต่อ TikTok ขณะเดียวกันความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯก็ไม่น่าจะได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากการใช้อิทธิพลของจีนผ่าน TikTok



[1] แอปวิดีโอสั้นบนแพลตฟอร์ม Social Network มาแรงจากบริษัทเทคโนโลยีของจีน ByteDance Ltd. ซึ่งถือเป็น Startup ระดับยูนิคอร์นที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก ที่ผ่านมา TikTok ขยายตลาดในหลากหลายประเทศ  ทำให้เกิดข้อสงสัยด้านความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้ทั่วโลก ซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีค่ามหาศาลในยุคเศรษฐกิจใหม่ (Digital Economy) สืบค้นที่: https://techsauce.co/tech-and-biz/trump-banned-tiktok-start-point-tech-war

[2] IS TIKTOK’S POSSIBLE FAREWELL REALLY RELATED TO NATIONAL SECURITY? IntelBrief Tuesday, August 18, 2020 Available at: https://mailchi.mp/thesoufancenter/is-tiktoks-possible-farewell-really-related-to-national-security?e=c4a0dc064a

[3] The TikTok Ban Should Worry Every Company Harvard Business Review by Keman Huang and Stuart Madnick August 28, 2020 Available at: https://hbr.org/2020/08/the-tiktok-ban-should-worry-every-company?ab=hero-main-text

Author Image

About Kim
Kim is a retired civil servant, specializing in intelligence analysis. He loves productivity hacks, minimalist workflows and CSI series.

No comments

Powered by Blogger.