พันธมิตรไตรภาคีต้านตะวันตกในตะวันออกกลาง

 

ที่มาภาพ: https://www.economist.com/finance-and-economics/2024/03/18/how-china-russia-and-iran-are-forging-closer-ties

อิ หร่านเป็นคานงัดทางภูมิศาสตร์การเมือง (geopolitical lever) ของรัสเซียและจีนในการต่อต้านอิทธิพลชาติตะวันตกในตะวันออกกลาง ทั้งสองประเทศสนับสนุนอิหร่านโดยมีผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์กว้างขวางกว่าในภูมิภาค นอกจากการประสานงานผลักดันข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิหร่าน - อิสราเอล (สงคราม 12 วัน) พันธมิตรไตรภาคี (อิหร่าน-รัสเซีย-จีน) ยังเป็นเกราะปกป้องผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการคว่ำบาตรของสหรัฐฯด้วย

การพบหารือระหว่างอับบาส อาราฆชีรัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียเพื่อกระชับความสัมพันธ์ที่กรุงมอสโกเมื่อ 23 มิถุนายน 2025 ตอกย้ำความเป็นพันธมิตรไตรภาคีระหว่างรัสเซีย จีนและอิหร่าน ผู้นำทั้งสองประณามการโจมตีที่ตั้งโครงการนิวเคลียร์อิหร่านของอิสราเอลและสหรัฐฯว่าเป็นการกระทำที่ “ก้าวร้าวโดยไร้เหตุผลอย่างสิ้นเชิง (completely unprovoked act of aggression)”[1]

หลายฝ่ายสงสัยว่ารัสเซียจะให้ความช่วยเหลืออิหร่านอย่างไรหรือไม่ เนื่องจากข้อตกลงความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อิหร่าน - รัสเซียที่ลงนามเมื่อมกราคม 2025 ไม่มีข้อกำหนดว่าด้วยการป้องกันร่วมกัน (mutual defense clause) ขณะเดียวกันเมื่อ 22 มิถุนายน 2025 ก่อนที่อิหร่านจะโจมตีฐานทัพสหรัฐฯในกาตาร์[2] รัสเซียและจีนร่วมผลักดันข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิหร่าน – อิสราเอล (13 – 24 มิถุนายน 2025) ต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เป็นคนกลาง[3]

การประสานงานเชิงยุทธศาสตร์ดังกล่าวบ่งชี้ถึงความสัมพันธ์ไตรภาคีระหว่างรัสเซีย จีนและอิหร่านอันเป็นการจัดตำแหน่งทางภูมิศาสตร์การเมืองระหว่างประเทศที่มีลักษณะเป็น “พันธมิตรทางยุทธศาสตร์ (tactical alliance)” ซึ่งเริ่มมีแรงส่งมากขึ้นจากการแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมในการยับยั้งการครอบงำทางยุทธศาสตร์ของชาติตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐฯรวมทั้งการส่งเสริมระเบียบโลกแบบหลายขั้ว (multipolar global order)[4]

ความขัดแย้งทั่วโลกทวีความรุนแรงเริ่มจากสงครามรัสเซีย - ยูเครน การแข่งขันทางยุทธศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯและจีน การคว่ำบาตรรัสเซียและอิหร่านโดยชาติตะวันตกขยายวงกว้างและสงครามอิหร่าน – อิสราเอลซึ่งทำให้สหรัฐฯเข้าร่วมโจมตีโรงงานนิวเคลียร์อิหร่านก่อให้เกิดการตั้งศูนย์ยุทธศาสตร์ (strategic alignments) ระหว่างรัสเซีย จีนและอิหร่าน

พัฒนาการเหล่านี้ไม่เพียงคุกคามการเปลี่ยนแปลงพลวัตของมหาอำนาจในภูมิภาค แต่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อแผนริเริ่มระหว่างประเทศของจีน เช่น ความริเริ่มแถบและทาง (BRI) ความริเริ่มความมั่นคงระดับโลก (GSI) และความริเริ่มการพัฒนาระดับโลก (GDI) รวมถึงท่าทีเชิงยุทธศาสตร์ของรัสเซียในยูเรเซีย[5]

ทั้งสามประเทศปฏิเสธการครอบงำของชาติตะวันตกและสนับสนุนระบบโลกหลายขั้วอำนาจซึ่งได้แรงหนุนเสริมจากสงครามยูเครนในปี 2022 และความตึงเครียดในทะเลจีนใต้ การเข้าร่วมองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) ของอิหร่านในระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำประเทศในทาจิกิสถานในปี 2021 เป็นตัวอย่างของความสอดคล้องดังกล่าว

การเป็นสมาชิก SCO ช่วยให้อิหร่านได้รับการคุ้มครองทางการทูตท่ามกลางการคว่ำบาตรที่เข้มข้นขึ้นหลังจากสหรัฐฯถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์ในปี 2018 การบรรจบกันเชิงกลยุทธ์สะท้อนการประเมินยุทธศาสตร์เฉพาะหน้ามากกว่ามุมมองระดับโลกที่สอดประสานกับวาทกรรมต่อต้านตะวันตก ความร่วมมือนี้มิได้มีพื้นฐานทางอุดมการณ์

รัสเซียและจีนยึดถือหลักการ “อำนาจอธิปไตย” และ “การไม่แทรกแซง” เป็นทางเลือกในการคัดค้านการคว่ำบาตรอิหร่านฝ่ายเดียวของชาติตะวันตกโดยเฉพาะในเวทีพหุภาคี การรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบของรัสเซียในปี 2022 และการรุกคืบของจีนในทะเลจีนใต้และช่องแคบไต้หวันเผยให้เห็นความย้อนแย้งในหลักการพื้นฐาน

ในบริบทนี้อำนาจอธิปไตยเป็นเครื่องมือทางการเมืองมากกว่าจุดยืนที่มีหลักการ อิหร่านเป็นเครื่องมือเพิ่มอำนาจทางภูมิศาสตร์การเมืองของรัสเซียและจีนในการสร้างความยุ่งยากให้กับยุทธศาสตร์ตะวันออกกลางของชาติตะวันตก จนถึงขณะนี้ข้อผูกมัดด้านความมั่นคงที่ทั้งสองประเทศมีต่ออิหร่านยังคงดำเนินไปอย่างจำกัดและคิดคำนวณไว้แล้ว

รัสเซียมองว่าอิหร่านเป็นแนวร่วมอันมีค่าในการดึงความสนใจและทรัพยากรสหรัฐฯออกจากพื้นที่สำคัญในยูเครน ส่วนจีนเห็นว่าอิหร่านเป็นกันชนการขยายบทบาทของสหรัฐฯในเอเชียกลางและอ่าวเปอร์เซีย ขณะเดียวกันก็รักษาเส้นทางพลังงานทางบกที่สำคัญต่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของจีนด้วย บทบาทอิหร่านโดยเนื้อแท้ทางยุทธวิธีเป็นเครื่องมือที่อาจใช้ประโยชน์หรือทิ้งไปโดยอิงจากความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ที่กว้างขึ้น[6]

ปัจจุบันรัสเซียระงับการส่งมอบยุทโธปกรณ์ที่ก้าวหน้าแก่อิหร่านเพื่อหลีกเลี่ยงการยั่วยุอิสราเอล ส่วนจีนได้จัดหาเทคโนโลยีเฝ้าระวัง (surveillance technology) แต่ยังคงรักษาดุลยภาพความสัมพันธ์กับผู้ส่งออกพลังงานในอ่าวเปอร์เซีย ข้อจำกัดของการสนับสนุนทางการทหารเน้นย้ำนโยบายจงใจ “หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าโดยตรง” กับสหรัฐฯหรือพันธมิตร

ความร่วมมือ “แบบไตรภาคี” แฝงการแข่งขัน จีนเฝ้าติดตามการประสานงานทางทหารระหว่างรัสเซียและอิหร่านในเอเชียกลางด้วยความกังวล เนื่องจากเป็นภัยคุกคามการขยายอิทธิพลของจีนในภูมิภาค นอกจากนี้ รัสเซียสงสัยการรุกคืบทางเศรษฐกิจและอำนาจอ่อน (soft power) ของจีนในพื้นที่อิทธิพลเดิมของและความเคลื่อนไหวของจีนในอาร์กติก

ความร่วมมือระหว่างทั้งสามประเทศมุ่งเน้นผลประโยชน์ด้านพลังงานและหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตร ความไม่สมมาตรด้านดุลการค้า บ่งชี้ว่าอิหร่านและรัสเซียต้องพึ่งพาเศรษฐกิจจีนอย่างมาก จีนยังคงเป็นผู้บริโภคน้ำมันดิบจากอิหร่านเป็นหลัก โดยได้รับส่วนลดสูงถึงร้อยละ 30 นับตั้งแต่มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯทวีความรุนแรงขึ้นในปี 2019

จีนเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของอิหร่านประมาณร้อยละ 14 ในปี 2025 (ตามรายงานรอยเตอร์) ขณะที่รัสเซียมองว่าอิหร่านเป็นคู่แข่งที่มีศักยภาพในตลาดพลังงานเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากรัสเซียหันไปมุ่งตะวันออกเพื่อตอบสนองมาตรการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรป

การกระชับความร่วมมือสามประเทศเพื่อเบี่ยงเบนมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก โดยพัฒนาระบบการเงินทางเลือก (CIPS)[7] และเครือข่ายโลจิสติกส์รวมทั้งทำการค้าในเส้นทางทะเลแคสเปียนด้วยสกุลเงินหยวนและรูเบิล สะท้อนการทุ่มเทความพยายามลดการพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่ถูกครอบงำโดยชาติตะวันตกและสร้างความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ

ในขณะที่จีนใช้ประโยชน์จากการลดราคาพลังงานของรัสเซีย แต่ก็ระมัดระวังไม่ก่อให้เกิดสงครามการค้าเต็มรูปแบบกับสหรัฐฯ ในทางกลับกันรัสเซียมีเป้าหมายใช้ตะวันออกกลางให้เบี่ยงเบนความสนใจทางยุทธศาสตร์สหรัฐฯ อิหร่านซึ่งเผชิญกับแรงกดดันอย่างรุนแรงจากทั้งอิสราเอลและชาติตะวันตกมองว่าการจัดแนวยุทธศาสตร์แบบนี้เป็นกันชน แต่ก็เข้าใจถึงข้อจำกัด

รัสเซียและจีนต้องรักษาดุลภาพระหว่างการสนับสนุนอิหร่านกับผลประโยชน์ที่กว้างขวางกว่า ขณะที่การรักษาความสัมพันธ์กับมหาอำนาจในภูมิภาค เช่น ซาอุดีอาระเบียและตุรกี จำกัดขอบเขตการสนับสนุนอิหร่าน ดังนั้น การมีส่วนร่วมกับอิหร่านจึงต้องมีการปรับเทียบอย่างรอบคอบเพื่อหลีกเลี่ยงการแตกแยกหุ้นส่วนสำคัญอื่น ๆ แทนที่จะเลือกฝ่าย

การยกระดับการโจมตีระหว่างอิหร่านและอิสราเอลเผยให้เห็นข้อจำกัดของพันธมิตรรัสเซีย - จีน - อิหร่าน รัสเซียและจีนยอมรับว่าการล่มสลายของระบอบการปกครองในอิหร่านอาจทำให้ภูมิภาคไม่มั่นคงและเป็นอันตรายต่อการไหลเวียนของพลังงานที่สำคัญ คงต้องรอดูว่าประเทศใดจะเต็มใจให้การสนับสนุนทางการทหารโดยตรงแก่อิหร่านเพื่อหลีกเลี่ยงภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง

หากการหยุดยิงที่สหรัฐฯเป็นคนกลางประสบความล้มเหลวและความขัดแย้งรุนแรงขึ้น รัสเซียและจีนจะเผชิญปัญหาทางยุทธศาสตร์ การไม่ดำเนินการใด ๆ จะทำให้พันธมิตรทางยุทธวิธีกับอิหร่านล่มสลายและเกิดจุดอ่อนสำคัญด้านยุทธศาสตร์ การเมืองและเศรษฐกิจ

แม้ทั้งสองฝ่ายไม่น่าจะเผชิญหน้าอย่างเต็มรูปแบบกับตะวันตก แต่แรงกดดันที่จะให้การสนับสนุนระบอบการปกครองในอิหร่านอย่างเพียงพอเพื่อรักษาสถานะเดิมก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เป้าหมายไม่ได้อยู่ที่ชัยชนะเท่านั้น แต่เพื่อรักษาระดับการยับยั้งไม่ให้ระบอบการปกครองล่มสลายและรักษาจุดยืนทางภูมิศาสตร์การเมืองร่วมกัน

แนวโน้มการจัดแนวอำนาจระดับโลกระยะต่อไป ประการแรก สถานการณ์ที่เป็นไปได้มากที่สุดคือรัสเซียและจีนจะให้การสนับสนุนทางการเมืองแก่อิหร่านต่อไป ขณะที่หลีกเลี่ยงความขัดแย้งทางการทหารที่บาดลึกยิ่งขึ้นเห็นได้จากการเน้นความสัมพันธ์ที่มีผลประโยชน์และปฏิบัติได้จริง มุ่งรักษาอำนาจต่อรองโดยไม่ยกระดับไปสู่การเผชิญหน้าโดยตรงกับสหรัฐฯ

ประการที่สอง หากอิหร่านเผชิญภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ รัสเซียและจีนอาจรู้สึกว่าจำเป็นต้องเพิ่มการสนับสนุนทางอ้อม เช่น การส่งมอบยุทโธปกรณ์ แบ่งปันข่าวกรองหรือร่วมมือทางไซเบอร์ เพื่อป้องกันหรือยับยั้งการล่มสลายของระบอบการปกครอง ขณะเดียวกันลดความเสี่ยงจากการมีส่วนร่วมโดยตรงกับมหาอำนาจตะวันตก

ประการที่สาม การล่มสลายของระบอบการปกครองในอิหร่านจะยุติความเป็นพันธมิตรไตรภาคี รัสเซียและจีนอาจปรับลำดับความสำคัญใหม่ โดยหันไปมุ่งเน้นความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับประเทศตะวันตกและประเทศในอ่าวเปอร์เซียเพื่อปกป้องผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ที่กว้างขึ้น

สุดท้ายความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซีย จีนและอิหร่านยังคงเป็นพันธมิตรทางยุทธวิธีที่เปราะบางซึ่งขับเคลื่อนโดยผลประโยชน์ที่สอดคล้องกันมากกว่าค่านิยมร่วม แม้ความเป็นพันธมิตรมีประโยชน์ในการต่อต้านอิทธิพลของสหรัฐฯและเพื่อความอยู่รอดทางเศรษฐกิจ แต่มีขอบเขตจำกัดจากความสัมพันธ์แบบระมัดระวังและเน้นผลลัพธ์ในทางปฏิบัติมากกว่าความสามัคคีหรือความลึกซึ้งเชิงยุทธศาสตร์



[1] Meeting with Foreign Minister of Iran Abbas Araghchi June 23, 202512:45 The Kremlin, Moscow Available at: http://en.kremlin.ru/events/president/news/77237

[2] Iran fires missiles at US base in Qatar, Trump calls for peace REUTERS By Andrew Mills, Parisa Hafezi and Alexander Cornwell June 24, 20254:40 AM GMT+7Updated June 24, 2025 Available at: https://www.reuters.com/world/middle-east/iran-weighs-retaliation-against-us-strikes-nuclear-sites-2025-06-23/

[3] Strategic Transactionalism: The Iran-Russia Partnership Issue Brief, The Middle East Council on Global Affairs June 2025 Available at: https://mecouncil.org/publication/strategic-transactionalism-the-iran-russia-partnership/

[4] Text of joint comprehensive strategic agreement between Iran and Russia Islamic Republic News Agency (IRNA) June 28, 2025 Available at: https://en.irna.ir/news/85722405/Text-of-joint-comprehensive-strategic-agreement-between-Iran

[5] ประกอบด้วยทวีปยุโรปและทวีปเอเชีย นักภูมิศาสตร์บางส่วนรายงานว่า ยูเรเชียเป็นมหาทวีปเดียวตามลักษณะทางกายภาพ แนวคิดยุโรปและเอเชียเป็นทวีปเฉพาะมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ แต่เส้นแบ่งเปลี่ยนแปลงมาตลอดประวัติศาสตร์ เช่น ชาวกรีกโบราณมองว่าพื้นที่เอเชียรวมทวีปแอฟริกา ยูเรเชียเชื่อมกับทวีปแอฟริกาที่คลองสุเอซบางครั้งสองทวีปนี้ถูกรวมกันเพื่อระบุพื้นที่แผ่นดินต่อเนื่องกันที่ใหญ่ที่สุดในโลก คือ ทวีปแอฟโฟร - ยูเรเชีย

[6] A TACTICAL TRIANGLE: THE EVOLVING GEOPOLITICAL ALIGNMENT OF RUSSIA, CHINA, AND IRAN INTELBRIEF Wednesday, June 25, 2025 Available at: https://mailchi.mp/thesoufancenter/a-tactical-triangle-the-evolving-geopolitical-alignment-of-russia-china-and-iran?e=c4a0dc064a

[7] หรือ Cross-border Interbank Payment System เครือข่ายการให้บริการหักบัญชี/ชำระบัญชีระหว่างประเทศโดยเน้นการทำธุรกรรมด้วยเงินหยวนเป็นหลัก ก่อตั้งขึ้นในปี 2015 เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างพื้นฐานของตลาดการเงินที่สำคัญของจีน สนับสนุน Shanghai international financial center และ Belt and Road Initiative (BRI) รวมถึงอำนวยความสะดวกการใช้เงินหยวนทั่วโลก ภายใต้ภารกิจหลัก “Wherever there is RMB (Renminbi/Yuan) , there is CIPS service.” ดูเพิ่มเติมที่ รู้จัก “CIPS 2.0” ระบบชำระเงินข้ามพรมแดนด้วยหยวนดิจิทัลท้าทาย SWIFT-ดอลลาร์ การเงินธนาคาร 26 เมษายน 2025 8:44 น. เข้าถึงได้ที่ : https://moneyandbanking.co.th/2025/169192/


Author Image

About Kim
Kim is a retired civil servant, specializing in intelligence analysis. He loves productivity hacks, minimalist workflows and CSI series.

No comments

Powered by Blogger.