5 คำถามเกี่ยวกับจีนที่ควรถกแถลงในที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร (กบห.): ตอนจบ

ที่มาภาพ: https://www.cfr.org/timeline/us-relations-china

สถานการณ์ในฮ่องกงหลังการประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ของจีนและความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ – จีนขยายตัว ห้องประชุมคณะกรรมการบริหาร (กบห.) และหัวหน้าผู้บริหาร (CEO) จำเป็นต้องพิจารณาความเสี่ยงในการทำธุรกิจกับและในจีนอย่างใกล้ชิด โดยมีข้อห่วงกังวลสำคัญ ประเด็นได้แก่ ห่วงโซ่อุปทาน (supply chains) การขาย (sales) การเปลี่ยนแปลงทางกฎหมาย (exposure to legal changes) การร่วมมือกับบริษัทจีน (collaboration with Chinese companies) และความปลอดภัยทางดิจิทัล (digital security) กบห.จำเป็นต้องตั้งคำถามและทำความเข้าใจอย่างเหมาะสม เกี่ยวกับความเปราะบางของการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับจีน

3. เรามีความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายในฮ่องกงอย่างไร
     จีนส่งสัญญาณว่าจะใช้กฎหมายความมั่นคงของรัฐฉบับของตน (มีผลบังคับใช้เมื่อ 30 มิถุนายน 2020)[1] กับอดีตอาณานิคมของอังกฤษหรือฮ่องกง[2] ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัทอเมริกันหลายแห่ง ชาวอเมริกันนับหมื่นคนอาศัยอยู่บนเกาะนี้ ฮ่องกงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับบริษัทสหรัฐฯ เนื่องจากความสัมพันธ์และหุ้นส่วนชาวจีนฮ่องกงซึ่งช่วยนำทางธุรกิจในจีน บริษัทบางแห่งมีที่อยู่ IP และการทำงานด้านกฎหมายที่อ่อนไหวในฮ่องกง เนื่องจากกฎหมายของฮ่องกงส่วนใหญ่ช่วยให้ธุรกิจได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายและสิทธิในทรัพย์สินเข้มแข็งมากขึ้นและอาจประนีประนอมกันได้
          หากระบบกฎหมายในฮ่องกงเสื่อมลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นักวิเคราะห์การเงินในฮ่องกงที่ทำงานให้กับบริษัทในวอลล์สตรีทอาจตกอยู่ภายใต้การกดดันของเจ้าหน้าที่จีนแผ่นดินใหญ่ หากเขียนรายงานการวิจัยเชิงลบเกี่ยวกับรัฐวิสาหกิจของจีน บริษัทระหว่างประเทศอาจถูกกดดันให้เปลี่ยนแปลงการบริหารจัดการเช่นเดียวกับ บริษัทบางแห่งในฮ่องกง เมื่อปี 2019 รัฐบาลจีนบีบบังคับผู้บริหารระดับสูงสองคนของสายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิคที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยของพนักงาน
          มีความเป็นไปได้ที่ชาวจีนฮ่องกง ชาวจีนหรือชาวอเมริกันเชื้อสายจีนที่ทำงานให้กับบริษัทสหรัฐฯในฮ่องกงอาจถูกจับกุมหรือคุมขัง Jerome Cohen ผู้อำนวยการสถาบันกฎหมายสหรัฐฯ - เอเชียของมหาวิทยาลัยนิวยอร์กเขียนบทความเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า “ประชาชนชาวฮ่องกงควรเตรียมรับมือกับวิธีการที่หลากหลายในการควบคุมตัวตามอำเภอใจ ซึ่งสร้างความเจ็บปวดให้กับเพื่อนร่วมชาติที่อื่นในจีน”
          ในที่สุด หากรัฐบาลทรัมป์สรุปตามที่ได้ประกาศว่า เมื่อฮ่องกงไม่ได้มีสิทธิปกครองตนเองในระดับสูงจากจีน รัฐสภาสหรัฐฯอาจถอนสถานะพิเศษเช่น การเป็นหุ้นส่วนการค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษได้แก่ การส่งออกเทคโนโลยีจากสหรัฐฯไปยังฮ่องกงอย่างเสรีจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมการส่งออกเช่นเดียวกับสินค้าที่ส่งไปยังจีน เงินดอลลาร์ฮ่องกงจะไม่ถูกตรึงกับดอลลาร์สหรัฐอีกต่อไป ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับรายละเอียดที่รัฐสภาสหรัฐฯและฝ่ายฝ่ายบริหารจะออกเป็นกฎหมายและผู้ที่เดินทางไปยังฮ่องกงอาจต้องใช้วีซ่า

4. เราควรให้ความร่วมมือกับบริษัทจีนมากเพียงใด?
          ในสภาพแวดล้อมการวิจัยระหว่างประเทศแบบเปิดซึ่งนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันยึดมั่น นักวิจัยสหรัฐฯมักร่วมมือร่วมมือกับนักวิจัยจีนจากระยะไกล ซึ่งอาจเป็นปัญหาเนื่องจากการค้นพบและความเข้าใจที่พวกเขาแบ่งปันอาจไปไกลกว่าการเป็นหุ้นส่วนการวิจัยในทัศนะของรัฐบาลจีน ซึ่งมีการหลอมละลาย (Fusion) ระหว่างพลเรือนกับกองทัพ (ทหาร) จีน
          Samm Sacks นักวิจัยอาวุโสแห่ง Yale Law School ของ Paul Tsai China Center และนโยบายด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ New America ตั้งคำถามเกี่ยวกับการโทรศัพท์ผ่านแอพลิเคชั่น Zoom ครั้งล่าสุด ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสถาบันกฎหมายสหรัฐฯ – เอเชียว่า นักวิจัยชาวอเมริกันควรทำงานร่วมกับนักวิจัยชาวจีนเกี่ยวกับเทคโนโลยีจดจำใบหน้า (facial recognition) ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงน้อยหรือไม่? คำตอบคือ คงจะไม่…จะรู้ได้อย่างไรว่าเทคโนโลยีของคุณไม่ถูกใช้งานทางอ้อมเพื่อจองจำชาวอุยกูร์นับแสนคน”
          จีนมีประวัติด้านการจารกรรมงานวิจัย: เป็นที่ทราบกันดีว่ากระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐ (Ministry of State Security) เล็งเป้าหมายพนักงานชาวจีนและชาวอเมริกันเชื้อสายจีนที่ทำงานในบริษัทสหรัฐฯ เพื่อเข้าถึงเทคโนโลยีหรือแทรกซึมกระบวนการตัดสินใจของบริษัท เห็นได้ชัดว่ากฎหมายสหรัฐฯกำหนดให้บริษัทต่าง ๆ ไม่เลือกปฏิบัติต่อผู้คนบนพื้นฐานของเชื้อชาติ แต่มีนโยบายและกระบวนการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาและการตัดสินใจที่สำคัญ ขั้นตอนปฏิบัติซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง โดยบริษัทจะขอให้พนักงานทุกคนเปิดเผยการเดินทางระหว่างประเทศ แหล่งรายได้อื่น ๆและการติดต่อกับรัฐบาลต่างประเทศ

5. ระบบสารสนเทศ (IT) ของบริษัทเรามีความปลอดภัยแค่ไหน?
          ไม่ใช่เพียงวิธีเข้าถึงบุคลากรเป้าหมายของจีนที่บริษัทต้องระวัง ในปี 2018 Bloomberg Businessweek ตีพิมพ์บทความเปิดเผยว่า กองทัพปลดปล่อยประชาชนของจีนได้ติดตั้งไมโครชิพในส่วนประกอบของอุปกรณ์ IT ที่มีแหล่งผลิตจากจีน ซึ่งบริษัทสหรัฐฯหลายแห่งรวมถึง Apple มีใช้ภายในองค์กรและเป็นเรื่องโต้แย้งอย่างรุนแรง
          ขีดความสามารถในการแฮ็กซอฟต์แวร์ของจีนมีความซับซ้อนสูง ซึ่งเห็นได้จากการทำงานของกลุ่ม APT10 (Advanced Persistent Threat) ใน Tianjin ที่รัฐบาลให้การสนับสนุน  สามารถแทรกซึมเข้าระบบคลาวด์ของอเมริกาและฝังตัวอยู่ในนั้นเป็นเวลา 4 ปี เรื่องนี้ได้รับการเปิดเผยโดยกระทรวงยุติธรรมในธันวาคม 2018
          รัฐบาลกลางสหรัฐฯกล่าวหาว่า APT10[3] กลุ่มจารกรรมทางอินเตอร์เน็ตร่วมมือกับรัฐบาลจีนในการแทรกซึมเข้าระบบของบริษัทและหน่วยงานรัฐบาลหลายสิบแห่งอย่างน้อยใน 12 ประเทศ ตามที่ระบุในหนังสือที่ตีพิมพ์เมื่อเร็ว ๆ ชื่อ The New Art of War: China’s Deep Strategy Inside the United States เขียนโดย William J. Holstein การเปิดเผยข้อมูลล่าสุดอื่น ๆ ชี้ให้เห็นว่ากลุ่มในสังกัดรัฐบาลจีนได้พัฒนามัลแวร์ที่สามารถแนบกับเอกสาร Microsoft Word และไม่สามารถตรวจจับได้
          การหยั่งรู้ข้อมูลในทางลับบ่งชี้ว่า เจ้าหน้าที่บริหารระดับสูงบางคนและหัวหน้าเจ้าหน้าที่สารสนเทศ (chief information officers) เลือกที่จะไม่ค้นพบข้อบกพร่องของจีนหรือแฮกเกอร์หรือยินดีที่จะยอมรับความเป็นไปได้ที่ระบบของพวกตนถูกโจมตี เหตุผลก็คือ การป้องกันระบบ IT ของพวกเขามิให้ถูกโจมตีจะเสียค่าใช้จ่ายหลายล้านดอลลาร์สหรัฐและสูญเสียรายได้ในระยะสั้น หากมีการเปิดเผยข้อมูลการละเมิดระบบต่อสาธารณะอาจสร้างความระคายเคืองและปัญหาให้กับรัฐบาลจีนและบริษัทในการเข้าถึงตลาดในจีนอย่างต่อเนื่อง
          การตอบสนองต่อปัญหาเหล่านี้จะต้องมีความยั่งยืน โดยการอภิปรายเชิงโครงสร้างระหว่าง กบห.ทั้งหมดและผู้บริหารระดับสูง กบห.เพียงคณะเดียวคงไม่สามารถรับงานได้อย่างเต็มที่ ปัญหาเหล่านี้เกินความสามารถของคณะกรรมการตรวจสอบ (audit committee) ซึ่งมุ่งเน้นเฉพาะตัวเลขเป็นส่วนหนึ่งของความท้าทายทั้งหมดคณะกรรมการทรัพยากรบุคคล (human resource committees) ต้องเป็นส่วนหนึ่งของสมการตอบโต้ความเสี่ยงในการจารกรรม
                    สำหรับคณะกรรมการกำหนดค่าตอบแทน (compensation committees) จำเป็นต้องหาวิธีที่สร้างสรรค์ในการรักษาผู้บริหารระดับสูงไว้ หากผลประกอบการรายไตรมาสและรายปีเริ่มมีปัญหา การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจะต้องจัดขึ้นภายใต้ความปลอดภัยเข้มงวดที่สุด การประชุมผ่าน Zoom ไม่ใช่ความคิดที่ดี ควรระบุเป้าหมายและจัดการปัญหาก่อนที่จะกระจายสู่สาธารณะ




[1] จีนประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงของรัฐเกี่ยวกับฮ่องกง : โดย ทิวสน มติชนออนไลน์ 12 กรกฎาคม 2563 - 10:12 น. https://www.matichon.co.th/article/news_2261407
[2] รายงาน โฉมหน้า “กฎหมายความมั่นคงฮ่องกง” หนังสือพิมพ์ ข่าวหุ้น ฉบับ กรกฎาคม 2563 หน้า 12
[3] สหรัฐฯ ตั้งข้อหาสองแฮกเกอร์จีนเชื่อมโยงหน่วยงานข่าวกรองปักกิ่ง วิทยุเสียงอเมริกา VOA ภาคภาษาไทย ธันวาคม 21, 2018 สืบค้นได้ที่ https://www.voathai.com/a/us-justice-department-announces-law-enforcement-against-china-hackers/4709784.html

Author Image

About Kim
Kim is a retired civil servant, specializing in intelligence analysis. He loves productivity hacks, minimalist workflows and CSI series.

No comments

Powered by Blogger.