รัฐและพลเมืองในโลกเสมือนจริง: ภูมิศาสตร์ไม่สำคัญอีกต่อไป?

 

ที่มาภาพ: Google Map

เอสโตเนียหรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐเอสโตเนียมีขนาดพื้นที่โดยรวมประมาณ 45,227 ตารางกิโลเมตร (17,462 ตารางไมล์) มีประชากร 1,326,770 คน (ตุลาคม 2020)[1] เมืองหลวงคือ เมืองทาลลินน์ (Tallinn) อาณาเขตทางทิศเหนือติดอ่าวฟินแลนด์ ทิศตะวันตกติดทะเลบอลติก พรมแดนทางทิศใต้ติดลัตเวียและทางทิศตะวันออกติดรัสเซีย ทำให้เป็นที่รวบรวมความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจ[2] สมัยที่อดีตสหภาพโซเวียตล่มสลายเมื่อปี 2534 (1991)[3] ประเทศบริวารต้องเลือกเปิดประเทศหรือปิดกั้นตนเองจากโลกภายนอกดี ทั้งนี้ เอสโตเนียและเบลารุสเป็นสองประเทศที่ได้รับอิสรภาพอยู่ห่างกันไม่กีร้อยกิโลเมตรแต่มีชะตากรมมที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง

          มาร์ต ลาร์ นายกรัฐมนตรีคนแรกของเอสโตเนียเขียนหนังสือชื่อ เอสโตเนียประเทศจิ๋วแต่แจ๋ว (Estonia: Little Country that Could) เล่าถึงเหตุการณ์สิ้นสุดการปกครองของโซเวียตในปี 1991 เอสโตเนียผงาดขึ้นจากกองเถ้าถ่านกลายเป็นหัวกะทิด้านนวัตกรรมแห่งหนึ่งของโลก มาร์ต ลาร์ นักประวัติศาสตร์วัย 32 ปี ปฏิรูปประเทศอย่างไม่รอช้าเขาประกาศว่า “การจะพาประเทศของผมจากสภาพพังพินาศได้ต้องปฏิรูปแบบหักดิบ ซึ่งก็เหมือนยาขมส่วนใหญ่ตอนแรกคุณไม่ชอบมันหรอก” ลาร์ทำให้เศรษฐกิจเสถียรเป็นอันดับแรก รัฐบาลตัดค่าใช้จ่ายไม่จำเป็น ประเทศยังพิมพ์เงินไม่ได้จึงไม่มีใครให้กู้ ขั้นต่อมาเน้นการเปิดกว้าง ซึ่งสำคัญต่อวัฒนธรรมการทำธุรกิจที่สร้างนวัตกรรม[4]

          รัฐบาลเอสโตเนียวางรากฐานระบบราชการใหม่ โดยกระโดดข้ามเครื่องพิมพ์ดีดกับกระดาษไปเริ่มใช้บริการออนไลน์เลย พอถึงปี 1998 (4 ปีหลังกำเนิดอินเตอร์เน็ต และ 6 ปีหลังวิกฤติเศรฐกิจในเอสโตเนีย) ทุกโรงเรียนในเอสโตเนียก็เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ พอถึงปี 2000 รัฐสภาก็รับรองให้การเข้าถึงอินเตอร์เน็ตเป็นสิทธิมนุษยชนตามกฎหมาย เอสโตเนียกลายเป็นศูนย์กลางการลงทุนของโลกอย่างรวดเร็วครึ่งหลังของทศวรรษ 1990 มีการลงทุนของต่างชาติในเอสโตเนียมากที่สุดในยุโรปตะวันออก ประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมในประเทศจึงเพิ่มขึ้น กลายเป็นรากฐานให้ระบบเศรษฐกิจนวัตกรรมด้วย[5]

          หันมาดูการสำรองข้อมูลของ (รัฐ) อิสลาม (Islamic State) ไม่ได้เป็นความคิดเริ่มต้นและจุดจบของกลุ่ม[6] และไม่ได้ชาญฉลาดไปกว่าการเปลี่ยนข้อมูลภาครัฐของเอสโตเนียจากอนาล็อกให้เป็นดิจิตอล (digitized) ประเทศเล็ก ๆ ริมทะเลบอลติกได้ครุ่นคิดถึงมรณกรรมของประเทศตนเองเช่นกัน ประวัติที่ผ่านมาเหมือนเกมไพ่ Poker ที่ต้องใช้ความคิดในการเล่น Toomas Ilves หนึ่งในประธานาธิบดีคนแรก ๆ รู้ความสำคัญของความสามารถในการแข่งขันแม้กระทั่งความอยู่รอดคือ การเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของโลกดิจิตอล[7]

          เอสโตเนียผลักดันให้บริการทุกอย่างของภาครัฐไปอยู่บนแพลตฟอร์มดิจิตอล พวกเขาเปลี่ยนระบบศาลยุติธรรม ใบสั่งยา และสร้างบริการรถพยาบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-ambulance) สัตว์เลี้ยงถูกขึ้นทะเบียน (pet registry) บ้านทุกหลังลงทะเบียนในระบบที่ดินดิจิตอล (digital land registry) ในปี 2015 เอสโตเนียเป็นประเทศแรกในโลกที่มีการเลือกตั้งออนไลน์ทั่วประเทศ ตัวอักษร e- หรือ i- ถูกนำไปวางข้างหน้าของทุกสิ่ง i-Voting, e-Tax, e-Business, e-Ticket, e-School และ e-Governance

          ทั้งหมดนี้ได้นำเอสโตเนียไปสู่ข้อสรุปที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สองประการ 1) ถิ่นที่อยู่ (residency) ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับภูมิศาสตร์ ดังนั้นในปี 2014 ความเป็นพลเมืองออนไลน์ (e-residency) ถือกำเนิดขึ้นในราคา 100 ยูโร คุณสามารถเป็นพลเมืองอิเล็กทรอนิกส์ (e-resident) เข้าถึงธุรกิจ ใช้บริการธนาคารและชำระภาษีโดยไม่ต้องพักอาศัยในเอสโตเนียหรือแม้กระทั่งเดินทางไปทำงานและจ่ายภาษีที่นั่น 2) รัฐเองก็ไม่จำเป็นต้องผูกพันกับภูมิศาสตร์ ในปี 2017 เอสโตเนียได้จัดตั้งสถานทูตข้อมูล (data embassy) แห่งแรกของโลก ซึ่งเป็นป้อมปราการที่ตั้งของตู้คอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ใน Luxembourg

                ในทางเทคนิคตู้เซิร์ฟเวอร์ถือเป็นสถานทูตในดินแดนของเอสโตเนีย จุดสำคัญของเซิร์ฟเวอร์คือ เพื่อให้มั่นใจในความต่อเนื่องของข้อมูล  (data continuity) กรณีที่เอสโตเนียถูกโจมตีทางไซเบอร์ที่ทำให้เกิดภาวะชะงักงันหรือการรุกรานตามความหมายที่แท้จริง หากเอสโตเนียถูกรุกราน “รัฐ” ก็จะสามารถเริ่มต้นใหม่ (rebooted) ได้ ในฐานะรัฐชาติ (nation state) ความท้าทายทาง "ภูมิศาสตร์" อาจจำกัดขอบเขตของ “รัฐ” แต่ในโลกเสมือนข้อจำกัดนั้นอาจไม่มีความสำคัญอีกต่อไป?



[1] The current population of Estonia is 1,326,770 as of Monday, October 5, 2020, based on Worldometer elaboration of the latest United Nations data. https://www.worldometers.info/world-population/estonia-population/

[2] รอบรู้เรื่อง ‘เอสโตเนีย’ อีกหนึ่งดินแดนแห่งการศึกษา ตัวเลือกของผู้ที่ต้องการเรียนต่อต่างประเทศ By littleswan - February 27, 2019 https://www.scholarship.in.th/study-in-estonia-2019/

[3] สหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตถูกยุบอย่างเป็นทางการเมื่อ 26 ธันวาคม 2534 ตามปฏิญญาหมายเลข 142-เอช แห่งสภาโซเวียตแห่งสาธารณรัฐ (Soviet of the Republics) โดยรับรองเอกราชของสิบสองสาธารณรัฐแห่งสหภาพโซเวียตและสถาปนาเครือรัฐเอกราช หนึ่งวันก่อนหน้า 25 ธันวาคม 2534 การล่มสลายของสหภาพโซเวียตยังเป็นการสิ้นสุดสงครามเย็นด้วย การปฏิวัติ ค.ศ. 1989 และการยุบสหภาพโซเวียตนำไปสู่การยุติความเป็นปรปักษ์นานหลายทศวรรษระหว่างองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) และสนธิสัญญาวอร์ซอ ซึ่งเป็นลักษณะนิยามของสงครามเย็น สืบค้นที่ https://th.wikipedia.org/wiki/การล่มสลายของสหภาพโซเวียต

[4] รู้ทันอนาคตที่ (อาจจะ) ไม่มีคุณ (THE INDUSTRIES OF THE FUTUREALEC ROSS ผู้เขียน บดินทร์ พรพิลาวัณย์ ผู้แปล สำนักพิมพ์บิงโก หน้า 231-234.

[5] เรื่องเดียวกัน

[6] ดู การก่อการร้ายแบบผสานสองโลก (O2O): แผนลับคืนชีพรัฐอิสลาม (Islamic state) ในโลกเสมือนจริง (ตอนที่ 5) โดย Kim ianalysed.com สืบค้นที่ https://www.ianalysed.com/2020/10/o2o-islamic-state-5.html

[7] Inside the secret plan to reboot Isis from a huge digital backup WIRED (Online) By CARL MILLER 04 Sep 2020 Available at  https://www.wired.co.uk/article/isis-digital-backup

Author Image

About Kim
Kim is a retired civil servant, specializing in intelligence analysis. He loves productivity hacks, minimalist workflows and CSI series.

No comments

Powered by Blogger.