แปรห่วงโซ่อุปทานเป็นอาวุธทางยุทธศาสตร์

  

ที่มาภาพ: https://www.eurasian-research.org/publication/future-of-the-global-supply-chains/

 ครงสร้างห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกกำลังปรับเปลี่ยน เนื่องจากความจำเป็นด้านความมั่นคงแห่งชาติและความเป็นอิสระทางยุทธศาสตร์ (strategic autonomy) สำคัญกว่าประสิทธิภาพด้านต้นทุน ขณะที่กลยุทธ์ลดการพึ่งพารวมทั้งการผลิตและจัดหาสินค้าจากประเทศพันธมิตร (friend - shoring)[1] และการข่มขู่เพื่อผูกขาดการเข้าถึงทรัพยากรสำคัญเป็นเรื่องอันตราย[2]

เมื่อการตัดสินใจผลิตและการค้ามีความมั่นคงมากขึ้น ห่วงโซ่อุปทานจึงถูกใช้เป็นเครื่องมือบีบบังคับทางภูมิศาสตร์การเมือง โดยตัวแสดงที่ไม่ใช่รัฐ (non-state actors) ทำให้การพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานระดับโลกทวีความซับซ้อน เห็นได้จากวิกฤติการณ์ทะเลแดงส่งผลกระทบเศรษฐกิจซึ่งเชื่อมโยงด้วยเครือข่ายห่วงโซ่อุปทาน

ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่ไม่แน่นอน การเมืองแบบประชานิยม (populist politics) นโยบายกีดกันทางเศรษฐกิจ การแข่งขันระหว่างจีนและสหรัฐฯรวมทั้งสงครามรัสเซีย - ยูเครน ความขัดแย้งในตะวันออกกลางตั้งแต่ 7 ตุลาคม 2023 และการระบาดของโควิด-19 ได้ทำลายการประหยัดต้นทุนของเครือข่ายการผลิตที่มีมายาวนาน

หลายประเทศเร่งสร้างห่วงโซ่อุปทานที่สนับสนุนอุตสาหกรรมสำคัญของตน เศรษฐกิจการเมืองโลกกำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ การเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ภายใต้ระเบียบโลกเสรีนิยมที่นำโดยสหรัฐฯ ซึ่งให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพด้านต้นทุนในการสร้างเครือข่ายการผลิตในพื้นที่ที่ค่าแรงต่ำกำลังเปลี่ยนไป

บัดนี้การผลิตที่เน้นประสิทธิภาพขัดแย้งกับความเป็นอิสระเชิงยุทธศาสตร์และความมั่นคงแห่งชาติ นำไปสู่การปรับเปลี่ยนโครงสร้างของห่วงโซ่อุปทานอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันตัวแสดงที่ไม่ใช่รัฐใช้ห่วงโซ่อุปทานโลกเป็นอาวุธส่งผลให้ต้นทุนของบริษัทข้ามชาติสูงขึ้น

องค์การการค้าโลก (WTO) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2026 ลงเหลือร้อยละ 1.8 จากร้อยละ 2.5 โดยปริมาณการค้าโลกยังคงปรับตัวได้ดี การที่เครือข่ายการผลิตถูกทำให้เป็นเรื่องการเมืองก่อให้เกิดความท้าทายใหม่ ๆ เช่น การสร้างสมดุลระหว่างความมั่นคงกับประสิทธิภาพด้านต้นทุนการกระจายตัวของการค้าไปยังกลุ่มประเทศคู่แข่ง

การเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่อุปทานไปสู่ระดับภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง เกิดจากการแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯและจีนเป็นตัวเร่ง (catalyst) ผลสำรวจโดย World Economic Forum (WEF) และ Kearny (พฤศจิกายน - ธันวาคม 2023) พบว่าผู้บริหารระดับโลกร้อยละ 92 กำลังปรับเปลี่ยนฐานการผลิตให้อยู่ในระดับภูมิภาคและร้อยละ 28 ตั้งเป้าดำเนินงานแบบภูมิภาคต่อภูมิภาคเกือบทั้งหมดภายในปี 2030

นอกจากการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระดับภูมิภาค สหรัฐฯยังพยายามย้ายห่วงโซ่อุปทานสำคัญไปยังประเทศในเขตอิทธิพลหรือมีแนวคิดทางการเมืองสอดคล้องกับตน ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 เม็กซิโกแซงหน้าจีนขึ้นเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ขณะที่การส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงของเม็กซิโกไปยังสหรัฐฯเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 35

ในปี 2024 ผู้จัดหาอุปทาน (suppliers) ของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐฯ อาทิ Nvidia, Apple และ Dell ขยายการผลิตในยังเม็กซิโก สร้างโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์และเซิร์ฟเวอร์สำหรับ AI ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการแข่งขันทางเทคโนโลยีระหว่างจีนและสหรัฐฯอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่จีนดำเนินโครงการความริเริ่มแถบและทาง (Belt and Roads Initiative) ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกขนาดใหญ่ครอบคลุมเส้นทางคมนาคมทางบกและทางทะเลในเอเชีย แอฟริกาและยุโรป ส่งผลให้เขตอิทธิพลห่วงโซ่อุปทานหลายแห่งเป็นที่ต้องการเพื่อเข้าถึงทรัพยากรสำคัญในแอฟริกา เช่น ลิเธียม โคบอลต์ ทองแดงและแร่ธาตุหายาก

เป้าหมายหลักในการปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานของสหรัฐฯคือ การลดความเสี่ยงเชิงยุทธศาสตร์และการพึ่งพาจีนโดยไม่ตัดความสัมพันธ์ทางการค้าอย่างสมบูรณ์และมุ่งเน้นการปกป้องภาคส่วนสำคัญอันได้แก่ เทคโนโลยี การป้องกันประเทศและทรัพยากรสำคัญ

การแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างจีนและสหรัฐฯกำลังดำเนินอยู่ เทคโนโลยีที่ใช้งานได้สองทาง (dual-use applications) ถูกมองว่าจำเป็นสำหรับความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจและเป็นความได้เปรียบทางการทหารเริ่มถูกพิจารณาว่าเป็นสินทรัพย์ทางการเมือง (political assets)

ประเทศต่าง ๆ ลงทุนจำนวนมากในการพัฒนาอุตสาหกรรมเหล่านี้ตัวอย่างเช่น รัฐบัญญัติ CHIPS and Science Act หรือ CHIPS Act of 2022[3] สหรัฐฯได้อนุมัติงบประมาณ 5.27 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในการผลิต   เซมิคอนดักเตอร์พร้อมเครดิตภาษีการลงทุนร้อยละ 25 เพื่อเสริมสร้างกำลังการผลิตในประเทศและการวิจัยและพัฒนา (R&D)

ขณะเดียวกันรัฐบาลต่าง ๆ กำลังริเริ่มโครงการแลกเปลี่ยน (quid pro quo) ซึ่งบริษัทต่าง ๆ จะได้รับเงินทุนตอบแทนจากการถือหุ้นของรัฐบาลสหรัฐฯเช่นเดียวกับที่รัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์ได้ทำกับบริษัท Intel ในภาพรวมนโยบายเศรษฐกิจถูกวางกรอบผ่านมุมมองด้านความมั่นคง

เรื่องนี้ได้รับการยืนยันเพิ่มเติมด้วยวาทกรรมของประธานาธิบดีทรัมป์เกี่ยวกับภาษีศุลกากร ซึ่งใช้ประโยชน์จากการตัดสินใจทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อบีบบังคับให้เกิดการผ่อนปรนบางประการที่เป็นประโยชน์ต่อความมั่นคงของชาติ เช่น การเพิ่มความปลอดภัยบริเวณชายแดน

ห่วงโซ่อุปทานถูกใช้เป็นเครื่องมือบังคับทางภูมิศาสตร์การเมืองมากขึ้น การควบคุมการส่งออก การคว่ำบาตรและการคัดกรองการลงทุนกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของการบริหารประเทศ จีนดำเนินการจำกัดการส่งออกแร่ธาตุสำคัญ เช่น แร่ธาตุหายาก แกลเลียมและเจอร์เมเนียมในปี 2023 และ 2024 เพื่อตอบโต้สหรัฐฯ ที่ขยายการควบคุมการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ไปยังจีน

สหรัฐฯได้กำหนดมาตรการควบคุมเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงอย่างครอบคลุม ควบคู่กับมาตรการคัดกรองการลงทุนจากต่างประเทศเพื่อจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีที่ละเอียดอ่อนของจีน รัสเซียใช้การส่งออกก๊าซธรรมชาติไปยังยุโรปเป็นอาวุธมาอย่างยาวนานโดยอาศัยการพึ่งพาพลังงานเพื่อประนีประนอมทางการเมือง

อิหร่านคุกคามการสัญจรทางทะเลโดยข่มขู่จะปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งมีปริมาณการขนส่งน้ำมันวันละหนึ่งในห้าของโลกเพื่อยับยั้งแรงกดดันจากชาติตะวันตก ผู้จัดหาพลังงานที่เชื่อถือได้กลายเป็นหนึ่งแกนหลักของการแข่งขันด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตามการฝึกแบบจำลองขั้นสูง

การพึ่งพาซึ่งกันละกันถูกใช้เป็นอาวุธในวงกว้างมากขึ้น ทำให้บริษัทข้ามชาติต้องสร้างระบบป้องกันภัยคุกคามเฉพาะในสภาพแวดล้อมอุตสาหกรรมและปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานใหม่เพื่อก้าวข้ามอุปสรรคทั้งหมด

ตัวแสดงที่ไม่ใช่รัฐแสดงให้เห็นความเปราะบางของห่วงโซ่อุปทานโลก การกระทำอันเป็นโจรสลัดในทะเลนอกชายฝั่งโซมาเลียและเหตุการณ์ล่าสุดการโจมตีเรือพาณิชย์ของกลุ่มฮูซีในทะเลแดงอย่างไม่หยุดยั้ง แสดงให้เห็นว่าตัวแสดงที่ไม่ใช่รัฐสามารถก่อกวนห่วงโซ่อุปทานโลกอย่างมีนัยสำคัญ

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่าการค้าผ่านคลองสุเอซลดลงร้อยละ 50 ในช่วงสองเดือนแรกของปี 2024 เนื่องจากความไม่มั่นคงที่เกี่ยวข้องกับวิกฤตการณ์ทะเลแดง การขนส่งสินค้าต้องเปลี่ยนเส้นทางผ่านแหลมกู๊ดโฮปในแอฟริกาใต้ทำให้รัฐและวิสาหกิจต่าง ๆ จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเครือข่ายการผลิต

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อเส้นทางการค้าโลกที่สำคัญบางเส้นทางด้วย ภัยแล้งและระดับน้ำที่ตื้นเขินในคลองปานามาไปจนถึงแม่น้ำไรน์ทำลายห่วงโซ่อุปทานในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเรือพาณิชย์ถูกปิดกั้นและเปลี่ยนเส้นทาง

แม้บริษัทต่าง ๆ พยายามหาเส้นทางสำรองเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน แต่นโยบายเศรษฐกิจโดยรวมบ่งชี้ว่า ความกังวลเกี่ยวกับความเป็นอิสระทางยุทธศาสตร์และความมั่นคงแห่งชาติเป็นตัวกำหนดทิศทางการค้าโลก

การที่รัฐบาลทรัมป์ใช้ข้อตกลงทวิภาคีกับประเทศต่าง ๆ เพื่อยุติข้อพิพาทเกี่ยวกับภาษีศุลกากรใหม่ ซึ่งถูกถอดออกจากองค์การการค้าโลก (WTO) แสดงให้เห็นว่าสถาบันที่จัดตั้งขึ้นเพื่อจัดการการค้าโลกและกฎภาษีศุลกากรรวมถึงการละเมิดกำลังกลายเป็นสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับมหาอำนาจ

ในมีนาคม 2025 สหรัฐฯได้ระงับการอุดหนุนงบประมาณแก่ WTO อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจทางเศรษฐกิจเมื่อเร็ว ๆ นี้ แสดงให้เห็นว่าความมั่นคงอาจไม่ใช่ความสำคัญลำดับแรก โดยรัฐบาลทรัมป์เพิ่งเสนอให้ Nvidia และ AMD สามารถส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ไปยังจีนโดยมีเงื่อนไขว่าต้องจ่ายเงินร้อยละ 15 ของรายได้จากการดำเนินงานในจีนให้แก่รัฐบาลสหรัฐฯ



[1] หมายถึงกลยุทธ์ส่งเสริมให้ธุรกิจย้ายฐานการผลิตและจัดหาสินค้าจากประเทศที่เป็นมิตรและเชื่อถือได้ แทนที่จะเลือกจากประเทศที่ให้ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว เพื่อลดความเสี่ยงจากความตึงเครียดทางภูมิศาสตร์การเมือง. โดยให้ความสำคัญกับประเทศที่มีค่านิยมทางการเมืองและเศรษฐกิจที่สอดคล้องกันรวมถึงความมั่นคงทางการเมืองและความเป็นพันธมิตรทางทหาร

[2] WEAPONIZED INTERDEPENDENCE: SUPPLY CHAINS RECONFIGURE GLOBALLY AGAINST A BACKDROP OF POLITICAL INSTABILITY INTELBREIEF Friday, August 29, 2025 https://mailchi.mp/thesoufancenter/weaponized-interdependence-supply-chains-reconfigure-globally-against-a-backdrop-of-political-instability?e=c4a0dc064a 

[3] ผ่านรัฐสภาเมื่อ 28 กรกฎาคม 2022 เพื่อสนับสนุนการวิจัยและผลิตเซมิคอนดักเตอร์ (ชิป) ในประเทศโดยมีเป้าหมายฟื้นฟูอุตสาหกรรมชิปของสหรัฐฯที่เคยเป็นผู้นำ แต่ได้ย้ายฐานการผลิตออกไปต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ดู What Is the CHIPS Act? Council on foreign Relations By Michelle Kurilla April 29, 2024 1:28 pm (EST) เข้าถึงได้ที่ https://www.cfr.org/in-brief/what-chips-act

Author Image

About Kim
Kim is a retired civil servant, specializing in intelligence analysis. He loves productivity hacks, minimalist workflows and CSI series.

No comments

Powered by Blogger.