โอกาสลงทุนเมื่อยุโรปปรับยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศ

ที่มาภาพ: https://defence-industry-space.ec.europa.eu/first-ever-defence-industrial-strategy-and-new-defence-industry-programme-enhance-europes-readiness-2024-03-05_en

 หภาพยุโรป (EU) ปรับยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศ อุตสาหกรรม นวัตกรรมและสภาพภูมิอากาศใหม่เพื่อตอบสนองภัยคุกคามทางภูมิศาสตร์การเมือง (geopolitical threats) และพลวัตอำนาจโลกที่เปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากความตึงเครียดกับรัสเซียและความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐฯ

คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) เสนอแผนสร้างสมอาวุธใหม่/ความพร้อมของยุโรป 2030 โดยจัดสรรเงิน 150,000 ล้านยูโรที่เหลือจากโครงการ NextGenerationEU[1] เพื่อกระตุ้นการลงทุนด้านกลาโหม โดยกำหนดให้ใช้วัสดุที่จัดหาในยุโรปร้อยละ 65 นอกจากสร้างความพร้อมของกองทัพยังกระตุ้นภาคส่วนสำคัญ เช่น อุตสาหกรรมเหล็กกล้า แบตเตอรี่ โดรนและการเคลื่อนที่อัตโนมัติ[2]

ประเทศสมาชิก EU มากกว่าครึ่ง[3] มีแผนจะออกข้อกำหนดฉุกเฉินเพิ่มการใช้จ่ายและการลงทุนด้านการป้องกันประเทศไม่เกินขีดจำกัดการใช้จ่ายของ EU โดยเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวที่กว้างขวางขึ้นของประเทศต่าง ๆ ในยุโรปตลอดจนแสวงหาพันธมิตรใหม่เมื่อสหรัฐฯทบทวนแผนสนับสนุนยูเครน[4]

การเสริมสร้างกำลังในยุโรปมาพร้อมความท้าทายและความจำเป็นในการแสวงหาหุ้นส่วนด้านการป้องกันประเทศที่มีความยุ่งยาก เช่น ตุรกี ขณะที่ภูมิทัศน์ทางการเมืองยุโรปอาจได้รับผลกระทบจากประเทศสมาชิกที่ต่อต้านการรวมกลุ่ม EU[5]

           สถาบันวิจัยสันติภาพระหว่างประเทศสตอกโฮล์ม (SIPRI) ระบุว่าในปี 2024 EU ใช้งบประมาณป้องกันประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 เป็น 693 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้การใช้จ่ายด้านกลาโหมทั่วโลกเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.4 เป็น 2.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงสุดนับตั้งแต่การล่มสลายของลัทธิคอมมิวนิสต์ในยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศสมาชิก NATO ที่ตอบสนองการรุกรานยูเครนของรัสเซีย

           การใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก สงครามในยูเครนและความไม่แน่นอนของสหรัฐฯซึ่งเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงทำให้ข้อห้ามเกี่ยวกับอำนาจปกครองตนเองและการลงทุนด้านการป้องกันประเทศ EU พลิกผัน โดยในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาประเด็นดังกล่าวได้ขยายออกไปจนถึงระดับชาติ

ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศสแถลงเมื่อต้นพฤษภาคม 2025 ว่าเต็มใจหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะนำอาวุธนิวเคลียร์ของประเทศไปประจำการที่อื่นในยุโรป ส่วนฟรีดริช เมิร์ซ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของเยอรมนีสนใจจะหารือเกี่ยวกับข้อเสนอดังกล่าวกับฝรั่งเศสและอังกฤษ นอกจากนี้ได้อนุมัติงบป้องกันประเทศมูลค่า ล้านล้านยูโร ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญจากแนวคิดสันติวิธีและต่อต้านการใช้กำลังทหาร

สำหรับ โปแลนด์ หนึ่งในผู้นำด้านการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศของ EU  แสดงจุดมุ่งหมายในการเข้าถึงอาวุธนิวเคลียร์และกองทัพที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ส่วน เบลเยียม ซึ่งมักจะตามหลังประเทศในยุโรปด้านการป้องกันประเทศพยายามเพิ่มการใช้จ่ายและลงทุนยุทโธปกรณ์สำคัญ

           การเสริมสร้างกำลังและลงทุนในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศรวมถึงความท้าทาย เช่น การจัดซื้อร่วมกันหยุดชงัก (stunted joint procurement) ขาดการปฏิบัติการร่วม (lack of interoperability) ความแตกต่างของวัฒนธรรมเชิงกลยุทธ์และการกระจายตัวของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ

           ในการเพิ่มขีดความสามารถด้านการป้องกันประเทศ ผู้นำ EU จำนวนหนึ่งแสวงหาความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ เช่น ตุรกี ซึ่งมีกองทัพใหญ่เป็นอันดับสอง (รองจากสหรัฐฯ) ในกลุ่มพันธมิตร NATO นอกจากนี้ ตุรกีอยู่ในรายชื่อประเทศนอก EU ที่อาจได้รับประโยชน์จากกองทุนเสริมกำลังอาวุธมูลค่า 150,000 ล้านยูโรของคณะกรรมาธิการยุโรป

           ความเร่งด่วนในการเสริมกำลังทางทหารของ EU ดูเหมือนทำให้ผู้นำยุโรปเพิกเฉยต่อการปราบปรามฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของประธานาธิบดีเออร์โดกันของตุรกีเมื่อไม่นานนี้ ท่าทีดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า EU ให้ความสำคัญกับการป้องกันประเทศมากกว่าอุดมคติหรือหลักการด้านนโยบายต่างประเทศ

การเพิกเฉยต่อข้อกังวลด้านสิทธิมนุษยชนและหลักการประชาธิปไตย อาจมีผลที่ตามมากับผู้มีสิทธิเลือกตั้งในยุโรป ขณะที่ทางเลือกของสหรัฐฯก็มิใช่การแลกเปลี่ยนแบบหนึ่งต่อหนึ่ง พันธมิตรใหม่ เช่น ตุรกี ไม่ได้แบ่งปันความสามารถด้านการป้องกันประเทศและข่าวกรองขั้นสูงแบบเดียวกับสหรัฐฯอีกทั้ง ตุรกีไม่ได้มีประวัติศาสตร์หรือ ค่านิยมร่วมกันกับยุโรป

           นักวิเคราะห์บางคนเริ่มสังเกตเห็นปฏิกิริยาตอบโต้ ซึ่งเชื่อมโยงกับการใช้จ่ายด้านการทหารที่อาจเกิดขึ้น กับการพัฒนาสวัสดิการสังคม (gun and butter) ประชากรที่อายุเกิน 65 ปีในยุโรปในปัจจุบันมีจำนวนแซงหน้าประชากรที่อายุต่ำกว่า 15 ปี ส่งผลให้มีแรงกดดันรัฐสวัสดิการมากขึ้น โดยเฉพาะเงินบำนาญและการดูแลสุขภาพ ยุโรปอาจต้องลดค่าใช้จ่ายเพื่อเสริมเงินลงทุนด้านการป้องกันประเทศในที่สุด

           การใช้จ่ายด้านความมั่นคงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อาจทำให้งบประมาณสวัสดิการสังคมถูกตัดทอน นักการเมืองและบุคคลสำคัญจากทุกกลุ่มอุดมการณ์ที่ยึดมั่นในแนวทางประชานิยมชี้ให้เห็นความไม่สอดคล้องกันระหว่างลำดับความสำคัญของ EU กับประชาชนในยุโรป โดยได้ระดมผู้คนในยุโรปหลายหมื่นคนออกมาประท้วงเรื่องค่าครองชีพและราคาพลังงาน

           ล่าสุดเมื่อ 17 กรกฏาคม 2025 Ursula von der Layen ประธานกรรมาธิการสหภาพยุโรป เปิดเผยแผนงบประมาณใหม่ระยะยาวหลายปี (Multiannual Financial Framework) ปี 2028 - 2034 วงเงิน 2 ล้านล้านยูโร ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับ 1.21 ล้านล้านยูโรที่ผู้นำ EU อนุมัติในปี 2020[6] (ไม่รวมงบฟื้นฟูหลัง Covid 19)

กรอบงบประมาณใหม่มีความยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อรับมือวิกฤตและความจำเป็นที่ไม่คาดคิด (unexpected need and crisis) โดยเฉพาะงบ Competitiveness Fund 410,000 ล้านยูโร ครอบคลุมการลงทุนเทคโนโลยีสะอาด ดิจิทัล ไบโอเทค อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ อวกาศและอาหาร เพื่อให้ EU สามารถแข่งขันกับจีนและสหรัฐฯต้องได้รับอนุมัติจากประเทศสมาชิกและรัฐสภายุโรป

INVX รายงานเมื่อปลายกรกฎาคม 2025 ว่าดัชนี STOXX600[7] ส่งสัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้นอีกครั้งหลังจากพักตัวไป 2 เดือน โดยทำ Triangle Pattern และ Break out บริเวณ 550 จุด ซึ่งเป็นสัญญาณการกลับตัวเป็นขาขึ้น คาดว่า EPS ดัชนี STOXX 600 จะเริ่มเติบโตอย่างชัดเจนในปี 2026 โดยได้รับแรงสนับสนุนจากนโยบายการคลังของประเทศในยุโรป ส่งผลเชิงบวกต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนอย่างเต็มที่

ขณะที่ KASSET คาดการณ์เศรษฐกิจยุโรปในช่วงครึ่งหลังปี 2025 เริ่มฟื้นตัว โดยดัชนี PMI ภาคบริการและการผลิตกลับสู่โซนขยายตัวพร้อมกัน อัตราเงินเฟ้อชลอตัวโดยเฉพาะภาคบริการ ช่วยเปิดทางให้ ECB เดินหน้าผ่อนคลายดอกเบี้ยต่อเนื่อง ขณะเดียวกันนโยบายการใช้จ่ายภาครัฐโดยเฉพาะเยอรมนีมีบทบาทสำคัญในการหนุนการลงทุนและความเชื่อมั่น

ส่วน BLS รายงานว่าความไม่แน่นอนทางภูมิศาสตร์การเมืองและการปรับยุทธศาสตร์ความมั่นคงของยุโรป จะทำให้ผู้ผลิตอาวุธในภูมิภาคกลายเป็นกำลังสำคัญในการเสริมสร้างศักยภาพป้องกันประเทศ ราคาหุ้นของผู้ผลิตอาวุธ 6 รายใหญ่ปรับตัวขึ้นร้อยละ 37 – 115 ในช่วงต้นปี 2025 เฉลี่ยร้อยละ 72 โดย Rheinmetall ของเยอรมนีปรับตัวขึ้นมากที่สุด (+ร้อยละ115) ส่วน BAE Systems ของอังกฤษขึ้นน้อยที่สุด (+ร้อยละ 37)

สำหรับมุมมองด้านการลงทุนกองทุน Global X Defense Tech ETF (SHLD) ซึ่งเน้นลงทุนด้านเทคโนโลยีป้องกันประเทศทั่วโลกทั้งในและนอกสหรัฐฯ ปัจจุบันร้อยละ 46 ของพอร์ตลงทุนอยู่นอกสหรัฐฯซึ่งช่วยกระจายความเสี่ยงและเปิดโอกาสรับประโยชน์จากการเร่งเพิ่มงบกลาโหมของยุโรปและประเทศพันธมิตรอื่น ๆ



[1] แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป (EU) หลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยเฉพาะประเทศในโซนยุโรปตะวันออกและยุโรปใต้ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก บางครั้งเรียกว่า NextGenerationEU และ Next Gen EU หรือ European Union Recovery Instrument สหภาพยุโรปอนุมัติเงินจำนวน 750,000 ล้านยูโรในปี 2020 (คิดเป็นจำนวนเงินในปัจจุบันกว่า 806,900 ล้านยูโร) โดยหวังจะเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง

[2] Aligning EU Defence, Industry, Innovation, and Decarbonisation could save money and boost competitiveness 10. 04. 2025 Strategic Perspectives AUTHOR: Julian Popov Available at https://strategicperspectives.eu/aligning-eu-defence-industry-innovation-and-decarbonisation-could-save-money-and-boost-competitiveness/

[3] เบลเยียม บัลแกเรีย เช็กเกีย เดนมาร์ก เยอรมนี เอสโตเนีย กรีซ โครเอเชีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย ฮังการี โปแลนด์ โปรตุเกส สโลวีเนีย สโลวาเกีย และฟินแลนด์ ต่างต้องการเพิ่มความสามารถด้านการป้องกันประเทศ

[4] 16 countries to ask EU for fiscal leeway to spend big on defense POLITICO April 30, 2025 10:38 pm CET

By Giovanna Faggionato Available at: https://www.politico.eu/article/eu-fiscal-defense-16-countries-public-finances-germany-emergency/

[5] EUROPE SEEKS TO RAPIDLY INCREASE DEFENSE INVESTMENT AMIDST STRATEGIC REALIGNMENT INTELBRIEF Friday, May 2, 2025 Available at: https://mailchi.mp/thesoufancenter/europe-seeks-to-rapidly-increase-defense-investment-amidst-strategic-realignment?e=c4a0dc064a

[6] Von der Leyen unveils hugely increased 'strategic' €2 trillion EU budget Europe News By Jorge Liboreiro Published on 16/07/2025 - 16:45 GMT+2 Updated 17/07/2025 - 14:56 GMT+2 Available at: https://www.euronews.com/my-europe/2025/07/16/von-der-leyen-unveils-hugely-increased-strategic-2-trillion-eu-budget

[7] STOXX คือบริษัทลูกของ Deutsche-Borse Group ผู้ให้บริการด้านข้อมูล market indexes ที่เป็นตัวแทนหุ้นยุโรป ใช้อ้างอิงทั่วโลก STOXX600 คือดัชนีหุ้น เรียงตาม market cap จากหุ้นขนาดใหญ่ที่สุดเรียงจนครบ 600 ตัว (ที่เห็น 602 ตัว เกิดจากหุ้นบางตัวมีมากกว่า 1 share class) >Stoxx600 มีหุ้นที่จดทะเบียนในอังกฤษถึงร้อยละ 25 หรือเป็น 1 ใน 4 ของพอร์ต ในมุมหนึ่งคือการกระจายความเสี่ยงออกจาก Eurozone (ร้อยละ 75) ได้ มีหุ้นขนาดกลางและเล็กรวมอยู่ด้วย 

Author Image

About Kim
Kim is a retired civil servant, specializing in intelligence analysis. He loves productivity hacks, minimalist workflows and CSI series.

No comments

Powered by Blogger.