พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กับวงแหวนทองคำ (The Golden Circle) Update- "จุลเจิม" ขอไกล่เกลี่ย! หลังธนาธรฟ้องคดีหมิ่นล้มสถาบัน ศาลอนุญาตเลื่อนไต่สวน


สิ่งเดียวที่คนเหล่านั้น (นักการเมือง) ต้องการ คือ ชนะการเลือกตั้งพวกเขาจึงใช้กลวิธีสารพัดที่ช่วยให้ชนะการเลือกตั้งได้จริงแต่ไม่ช่วยบ่มเพาะความจงรักภักดี ไม่ว่าจะเป็นการทำโฆษณาที่ทำลายความน่าเชื่อถือของฝ่ายตรงข้าม การชูแต่ประเด็นร้อนการกระตุ้นความกลัวหรือการใช้ข้อความปลุกเร้า  Simon Sinek

ลังจากว่างเว้นมาเกือบ 8 ปี อีกไม่กี่วัน (ถ้าไม่เกิดการพลิกผัน) คนไทย 51.4 ล้านคน[1] ก็จะได้ใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งสำคัญใน 24 มีนาคม 2562 (เวลา 0800 น. - 1700 น.) โดยผู้มีสิทธิฯรับบัตรเลือกตั้งใบเดียว[2] เข้าคูหา “ตัดสินใจ” กาเบอร์เดียวได้ผลสามอย่าง (3 in 1) คือ ได้ ส.ส.เขต ส.ส.บัญชีรายชื่อและนายกรัฐมนตรี ในจำนวน 80 พรรคการเมือง (ไม่นับพรรคไทยรักษาชาติ - ถูกยุบ) ที่ลงชิงชัยในสนามการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคอนาคตใหม่ (อนค.)[3] หรือ พรรคส้มหวาน ตามที่ นสพ.บางฉบับเรียก เป็นพรรคน้องใหม่มาแรงและน่าจับตามองที่สุด
          ความแรงของพรรคอนาคตใหม่เห็นได้จากการตกเป็นเป้าโจมตี และสกัดกั้นอย่างหนักจากฝ่ายตรงข้ามในรูปแบบต่างๆเช่น ถูกกล่าวหาว่ามีความทะเยอทะยานและกวนตีนไปทั่ว[4] บุคคลชั้นสูงกล่าวหาว่าพรรคมีนโยบายล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์[5] และ อดีตผู้นำ “นกหวีด” โพสต์ข้อความเชิงสั่งสอน[6] ขณะที่ นายไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความแสดงความเห็นว่า กระแสพรรคอนาคตใหม่จะมีคะแนนเหนือพรรครวมพลังประชาชาติไทยที่มีนายสุแทพ เทือกสุบรรณ เป็นแกนนำ[7] ทั้งนี้ สื่อบางสำนักเผยแพร่คำให้สัมภาษณ์ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่กับ Dave Kendall ของ Bangkok Post โดยตัดตอนเฉพาะบางช่วงและบิดเบือนเจตนาทำให้เข้าใจผิดว่านายธนาธรจะ “พาทักษิณกลับบ้าน”[8]
่าสุด ข่าวสด รายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 10 มิถุนายน 2019 ที่ห้องพิจารณา 812 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์คดีที่ พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) เเละ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค เป็นโจทก์ที่ 1-2 ฟ้อง ม.จ.จุลเจิม ยุคล ร่วมกันเป็นเป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จากกรณี ม.จ.จุลเจิม โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวมีใจความสื่อไปถึงพรรคอนาคตใหม่และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค มีนโยบายล้มล้างสถาบัน ซึ่งล้วนเป็นความเท็จโดยการนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันนี้ ทนายโจทก์เเละทนายจำเลยเป็นผู้รับมอบอำนาจเดินทางมาศาล อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลานัด ทนายความผู้รับมอบอำนาจหม่อมเจ้าจุลเจิม ขึ้นเเถลงศาลขอให้เลื่อนนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันนี้ออกไปก่อน เนื่องจากทางฝ่ายจำเลยมีความประสงค์ที่จะนัดเจรจาไกล่เกลี่ยกับโจทก์ โดยฝ่ายโจทก์เเถลงไม่คัดค้านศาลพิจารณาเเล้วกรณีมีเหตุอันควรอนุญาตให้เลื่อนนัดไต่สวนมูลฟ้องออกไปเป็นวันที่ 30 กรกฎาคม 2019 เวลา 13.30 น.
ที่มา: http://idea4today.blogspot.com/2018/02/start-with-why-golden-circle-chapter-3.html
  
        บทความนี้มีจุดมุ่งหมายที่จะตอบคำถามว่า ทำไมพรรคการเมืองที่เพิ่งก่อตั้งได้ไม่ถึงปี ถึงสามารถสร้างความหวาดหวั่นอย่างมากให้กับคนชั้นนำรุ่นเก่า (อนุรักษ์นิยม) และความนิยมของพรรคในหมู่คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระแส #ฟ้ารักพ่อ เกิดขึ้นเพราะคนเหล่านั้นถูกล้างสมอง ? หรือเสพสื่ออย่างผิวเผินแล้วเฮโลตามเพื่อนฝูง ? โดยอาศัยแนวคิดเรื่องวงแหวนทองคำ (The Golden Circle) ของ Simon Sinek นักพูด/ที่ปรึกษาทางธุรกิจใช้วิเคราะห์ความสำเร็จของบริษัทแอปเปิล ทั้งนี้ Simon อธิบายความหมายของแต่ละคำในวงแหวน โดยไล่จากวงนอกสุดไปหาวงในสุดคือ[9]
           อะไร (What) ทุกองค์กรในโลกทั้งขนาดเล็กหรือใหญ่หรือในแวดวงอะไรต่างก็รู้ว่าตัวเองทำอะไร พวกเขาสามารถอธิบายได้ว่า สินค้าหรือบริการ (Product) ของตัวเองคือสิ่งใด อีกทั้งยังบอกได้ว่าพวกเขามีหน้าที่อะไรในองค์กรนั้น
          อย่างไร (How) องค์กรบางแห่งหรือบางคนรู้ว่าจะทำสิ่งที่ทำอยู่อย่างไร ซึ่งจะเรียกว่า “การนำเสนอคุณค่าที่แตกต่าง” หรือ “กระบวนการเฉพาะตัว” หรือ “จุดขายอันเป็นเอกลักษณ์” คำว่า อย่างไร  มักมีไว้เพื่ออธิบายว่าเราแตกต่างหรือหรือดีกว่าคนอื่นตรงไหน หลายคนคิดว่ากระบวนการ (Process) ดังกล่าวเป็นปัจจัยสร้างความแตกต่างหรือสร้างแรงบันดาลใจได้ แต่ความจริงมีอีกอย่างที่หายไป คือ
          ทำไม (Why) มีคนไม่กี่คนหรือองค์การไม่กี่แห่งเท่านั้นที่สามารถบอกได้ว่า ทำไมพวกเขาถึงทำสิ่งที่ทำอยู่ คำว่าทำไมในที่นี้ไม่ใช่เรื่องการหาเงินหรือการเลี้ยงชีพซึ่งเป็นผลลัพธ์ แต่หมายถึงจุดมุ่งหมาย (Purpose) ของคุณ ทำไมองค์การของคุณจึงดำรงอยู่ ทำไมเราลุกจากที่นอนทุกเช้า และทำไมคนอื่นถึงต้องใส่ใจในสิ่งที่คุณทำ
       Simon เห็นว่าผู้คนและองค์กรส่วนใหญ่มักคิด ทำ และสื่อสารจากข้างนอกสู่ข้างใน โดยไล่จากอะไร ไปหา ทำไม ซึ่งเป็นการเริ่มต้นจากสิ่งที่ชัดเจนที่สุดไปหาสิ่งที่คลุมเครือที่สุด เราอธิบายได้ว่าเราทำอะไรและพอจะบอกได้ว่าทำอย่างไร แต่ไม่เคยพูดว่าทำไมเราจึงทำสิ่งที่ทำอยู่ สำหรับผู้นำและองค์การที่สร้างแรงบันดาลใจทำตรงกันข้าม ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหนหรืออยู่ในอุตสาหกรรมใด พวกเขาคิด ทำ และสื่อสารจากข้างในสู่ข้างนอกเสมอ หากแอปเปิลทำเหมือนบริษัทส่วนใหญ่ การสื่อสารของพวกเขาจะเริ่มจากการบอกว่าพวกเขาทำอะไร แตกต่างจากบริษัทคู่แข่งอย่างไร ก่อนตบท้ายด้วยการเชิญชวนให้ลูกค้าซื้อผลิตภัณฑ์ คือ
              เราผลิตคอมพิวเตอร์ที่ยอดเยี่ยม
              ซึ่งถูกออกแบบมาให้งดงามและใช้งานง่าย
              คุณอยากซื้อซักเครื่องไหม”
แบบแผนดังกล่าวพบได้ทั้งในการขายกับผู้บริโภคและการขายกับองค์กร ส่วนในแวดวงการเมืองก็เช่นกัน พรรคการเมืองส่วนใหญ่มักเสนอว่า
“นี่คือผู้แทนของพรรคเรา
และนี่คือมุมมองที่เขามีต่อเรื่องภาษีและผู้อพยพ
เห็นมั้ยว่าเขาแตกต่างจากคนอื่นตรงไหน
เลือกเขาสิ”
จากตัวอย่างดังกล่าว การสื่อสารถูกออกแบบมาเพื่อโน้มน้าวให้เห็นความแตกต่าง หรือความเหนือกว่า แต่แนวทางของผู้นำองค์กรที่สร้างแรงบันดาลใจตรงกันข้าม พวกเขาคิด ทำ และสื่อสารจากข้างในสู่ข้างนอก กลับมาดูตัวอย่างของแอปเปิล ซึ่งเรียงข้อความในแบบที่พวกเขาสื่อสารจริงๆว่า
“ไม่ว่าจะทำอะไร เราก็มุ่งมั่นที่จะท้าทายสิ่งเดิม
เราเชื่อในการคิดต่าง
และเราก็ทำเช่นนั้นด้วยการสร้างผลิตภัณฑ์ให้สวยงามและใช้งานง่าย
ดังนั้นเราจึงได้ให้กำเนิดคอมพิวเตอร์ที่ยอดเยี่ยมขึ้นมา
คุณอยากซื้อซักเครื่องไหมล่ะ”
แอปเปิลไม่เพียงสลับลำดับในการบอกข้อมูลเท่านั้น แต่ยังเริ่มจากคำว่าทำไมอีกด้วย พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งนำโดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจและนายปิยบุตร แสงกนกกุล คิด ทำ สื่อสารจากข้างในสู่ข้างนอก และบอกว่าทำไมพรรคทำสิ่งที่ทำอยู่และเป็นเหตุผลที่ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งควรซื้อ (ลงคะแนน) ให้พวกเขา โดยเว็บไซต์ของพรรคอนาคตใหม่ระบุว่า
“....ถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีพลังใหม่เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย
ให้กลับคืนมาอีกครั้ง นําพาประเทศไทยก้าวพ้นจากห้วงภาวะวิกฤติ
นี่คือเหตุผลที่ทำให้เกิด "พรรคอนาคตใหม่"
เพื่อสร้างประชาธิปไตยในประเทศ
เพื่อเปลี่ยนแปลงและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่ดีกว่าที่เป็นอยู่
และเพื่อปรับภูมิทัศน์การเมืองไทยให้ดีขึ้น.[10]
ข้อความวิสัยทัศน์ดังกล่าวแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเกี่ยวกับเหตุผลที่ทำให้เกิดพรรคอนาคตใหม่ การเป็นพรรคการเมืองที่เพิ่งก่อตั้ง ทำให้ไม่สามารถอ้างผลงานในอดีตมาใช้หาเสียง อย่างไรก็ดี พรรคอนาคตใหม่มีแนวทางการทำงานโดยยึดหลัก 3 ประการ 1) เป็นพรรคการเมืองที่มุ่งทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ 2) เป็นพรรคการเมืองที่ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นเจ้าของ และ 3) เป็นพรรคการเมืองที่มุ่งทำงานการเมืองระยะยาว เว็บไซต์พรรคอนาคตใหม่เผยแพร่คำแถลง “อนาคตใหม่ ไทย เท่า” โดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค เมื่อ 1 ตุลาคม 2561 มีสาระสำคัญที่น่าใจ ดังนี้
          “ทุกท่านครับ...พรรคอนาคตใหม่เกิดขึ้นและรวมตัวกันเพื่อเสนอเส้นทางใหม่ให้กับสังคมไทย เราอยากเห็นประเทศไทยก้าวเดินไปอย่างมีทิศทาง เราอยากเห็นคนไทยเท่าเทียมกัน ประเทศไทยเท่าทันโลก..นี่คืออนาคตใหม่ นี่คืออนาคตที่คนไทยเท่าเทียมกัน ประเทศไทยเท่าทันโลก ผมขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมกับเรา   นี่คือทิศทางที่เราอยากผลักดัน คือหลักการที่เรายืนยัน คือธงที่เราอยากปักไว้ให้สังคม สามเดือนถัดจากนี้ ทุกคนจะได้เห็นนโยบายแต่ละด้านของพรรคที่ร้อยรัดเชื่อมโยงด้วยหลักการทั้งสอง ทั้งในด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เกษตรก้าวหน้า ยกระดับการศึกษา การพัฒนาอุตสาหกรรม การเพิ่มอำนาจท้องถิ่น และการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม นี่คืออนาคตใหม่ ไทย 2 เท่า ที่คนเท่าเทียมกันและประเทศไทยเท่าทันโลก”
สิ่งที่บริษัททำถือเป็นปัจจัยภายนอก แต่เหตุผลที่พวกเขาทำเป็นอะไรที่ลึกซึ้งกว่ามาก อันที่จริงแอปเปิลไม่ได้วิเศษวิโสกว่าบริษัทอื่น เช่น DELL HP TOSHIBA ทุกรายล้วนผลิตคอมพิวเตอร์ ทำไมแอปเปิลถึงประสบผลสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ สามารถสร้างนวัตกรรมได้มากกว่า กำไรมากกว่าและมีสาวกเหนียวแน่น แอปเปิลไม่ได้เหนือชั้นเพราะมีผลิตภัณฑ์ที่เหนือกว่า แต่สิ่งที่พวกเขาทำสอดคล้องกับเหตุผลที่พวกเขาทำอย่างชัดเจน ทุกสิ่งที่แอปเปิลทำบ่งบอกว่าพวกเขาต้องการท้าทายสภาพที่เป็นอยู่ ไม่ว่าจะก้าวเข้าไปในอุตสาหกรรมใดก็เห็นได้ชัดว่าแอปเปิล “คิดต่าง” เสมอ ดังนั้นแอปเปิลจึงถูกมองว่าเป็น “ของจริง” จุดมุ่งหมายของแอปเปิลคือการท้าทายสภาพที่เป็นอยู่ในปัจจุบันและเพิ่มอำนาจให้ผู้คน ซึ่งปรากฏให้เห็นในทุกสิ่งที่พวกเขาพูดและทำ
          การรู้จุดมุ่งหมายอาจไม่ใช่หนทางเดียวที่จะทำให้บริษัทประสบความสำเร็จ แต่เป็นวิธีเดียวที่จะรักษาความสำเร็จให้ยั่งยืน รวมทั้งช่วยให้บริษัทสร้างนวัตกรรมได้หลากหลายและต่อเนื่อง หากจุดมุ่งหมายคลุมเครือก็ยากที่จะรักษาอัตราการเติบโต ความจงรักภักดีของลูกค้า และแรงบันดาลใจที่ผลักดันให้บริษัทประสบความสำเร็จในตอนแรกไว้ได้ ผลิตภัณฑ์ที่มีจุดมุ่งหมายชัดเจนจะช่วยให้ผู้คนบอกกับโลกได้ว่า พวกเขาเป็นใครและเชื่อสิ่งใด     จำไว้เสมอว่า ผู้คนไม่ได้ซื้อสิ่งที่คุณทำ แต่ซื้อเพราะเหตุผลที่คุณทำสิ่งนั้น ถ้าบริษัทไม่สื่อสารเหตุผลออกมาให้ชัดเจนผู้คนก็จะเห็นแต่สิ่งที่บริษัททำ และเมื่อเป็นเช่นนั้นสิ่งล่อใจ เช่น ราคา คุณสมบัติ การบริการหรือแม้กระทั่งคุณภาพของผลิตภัณฑ์ก็กลายเป็นช่องทางเดียวในการสร้างความแตกต่าง
     การเข้าร่วมกิจกรรมฟุตบอลประเพณีจุฬาฯธรรมศาสตร์ครั้งที่ 72 ของนายธนาธร ซึ่งนำไปสู่กระแส   (แฮชแท็ก) #ฟ้ารักพ่อ ในเวลาต่อมานับเป็นปรากฎการณ์ของ “แฟนคลับ” คนเหล่านี้ คือลูกค้า (ผู้สนับสนุน) ที่มารวมตัวกันโดยที่บริษัทไม่ต้องทำอะไรเลย พวกเขาไม่ได้ออกมาพบปะหรือพูดคุยกันผ่านอินเตอร์เน็ตเพียงเพื่อแสดงความรักในตัวผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่เป็นความต้องการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม[11] ความรู้สึกดังกล่าวทรงพลังมากจนทำให้เรายอมลำบาก ทำเรื่องไร้เหตุผลและเสียเงินเสียทองเพื่อให้ได้ความรู้สึกนั้นมา
เวลาบริษัท (พรรคการเมือง) บอกว่าพวกเขาทำอะไรและผลิตภัณฑ์ (นโยบาย) ของของเขาล้ำหน้าแค่ไหน อาจฟังดูน่าประทับใจ แต่ไม่ได้กระตุ้นให้เราเกิดความรู้สึกอยากเป็นส่วนหนึ่ง ในทางตรงข้าม หากบริษัทบอกเหตุผลหรือความเชื่อของตัวเองออกมาอย่างชัดเจน และเราก็บังเอิญมีความเชื่อแบบเดียวกัน เราอาจพยายามหาทางให้ผลิตภัณฑ์นั้นเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ทั้งนี้ ไม่ใช่เพราะผลิตภัณฑ์นั้นดีกว่า แต่เพราะมันคือ สัญลักษณ์แทนค่านิยมและความเชื่อที่เรายึดถือและผลิตภัณฑ์เหล่านั้นทำให้เรารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม
กรณีของ “พรรคอนาคตใหม่” และ “ธนาธร” อาจเปรียบเทียบกับความร่วมมือระหว่างแอปเปิลกับวงดนตรีร็อกหัวขบถสัญชาติไอร์แลนด์ชื่อ “ยูทู” ในปี 2547 แอปเปิลทำไอพอดรุ่นพิเศษออกมาโดยร่วมมือกับวงดนตรีดังกล่าว พวกเขาคงไม่ทำไอพอดรุ่นพิเศษร่วมกับซีลีน ดิออน แน่นอน เพราะมันดูไม่เข้ากัน แม้ซีลีนขายเพลงได้มากกว่าและเข้าถึงคนได้มากกว่าหลายเท่าก็ตาม ยูทูกับแอปเปิลร่วมมือกันเพราะพวกเขามีค่านิยมและความเชื่อเหมือนกัน นั่นคือการทลายข้อจำกัดที่มีอยู่ ภาพลักษณ์ของ “ธนาธร” กับ “พรรคอนาคตใหม่” ในสายตาของบรรดาแฟนคลับก็เหมือนกับวงร็อกยูทูกับแอปเปิล
แนวคิดเรื่องวงแหวนทองคำและพลังของคำว่าทำไมไม่ใช่แค่ความคิดลอยๆ แต่ตั้งอยู่บนฐานวิวัฒนาการของพฤติกรรมมนุษย์และความจริงตามหลักชีววิทยา หากดูภาพตัดขวางของสมองจะเห็นว่าแต่ละชั้นของวงแหวนทองคำสอดคล้องกับสมองส่วนสำคัญ 3 ชั้น สมองส่วนที่วิวัฒนาการมาล่าสุด คือ นีโอคอร์เทคซ์ ซึ่งทำให้เราเป็นมนุษย์อย่างที่เป็นปัจจุบัน และตอบสนองคำว่า อะไร ในวงแหวนทองคำ นีโอคอร์เทคซ์รับผิดชอบการวิเคราะห์อย่างเป็นเหตุเป็นผลและการใช้ภาษา สมองอีก 2 ชั้นประกอบขึ้นเป็นส่วนลิมบิก ซึ่งรับผิดชอบเกี่ยวกับความรู้สึกของมนุษย์ เป็นความเชื่อใจและความจงรักภักดี ทั้งยังควบคุมพฤติกรรมและการตัดสินใจทั้งหมด แต่ไม่มีความสามารถเกี่ยวกับการใช้ภาษา 
ที่มา https://wisdomsummary.com/start-with-why/

          Simon ระบุว่า เมื่อเราสื่อสารโดยเริ่มจากคำว่าอะไร ผู้คนจะสามารถเข้าใจข้อมูลที่ซับซ้อนเกี่ยวกับข้อเท็จจริงและคุณสมบัติต่างๆได้ไม่ยาก แต่ไม่กระตุ้นให้เกิดพฤติกรรม หากสื่อสารโดยเริ่มจากคำว่าทำไม เรากำลังพูดกับสมองส่วนควบคุมการตัดสินใจโดยตรง จากนั้นสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับกับภาษาจึงค่อยหาเหตุผลมารองรับ เนื่องจากสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกของเราไม่ได้ควบคุมการใช้ภาษา การอธิบายความรู้สึกออกมาเป็นคำพูด จึงเป็นเรื่องยาก การตัดสินใจเรื่องอื่นๆก็เช่นกัน เมื่อเรารู้สึกว่าการตัดสินใจนั้นถูกต้อง เรามักอธิบายเหตุผลออกมาไม่ค่อยได้ เป็นเพราะสมองส่วนที่ควบคุมการตัดสินใจไม่ได้ควบคุมการใช้ภาษานั่นเอง
          ความจริงดังกล่าวทำให้การสำรวจความคิดเห็นหรือการวิจัยตลาดดูน่าเชื่อถือน้อยลง การถามลูกค้าว่าทำไมเลือกผลิตภัณฑ์ของคุณแทนที่จะเลือกของบริษัทอื่นไม่ช่วยให้คุณรู้แรงจูงใจที่แท้จริง ไม่ใช่เพราะลูกค้าไม่รู้แรงจูงใจของตัวเอง แต่เป็นเพราะลูกค้าไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูด เนื่องจากสมองส่วนที่ควบคุมการตัดสินใจและความสามารถในการอธิบายการตัดสินใจเป็นคนละส่วนกัน จึงเรียกว่า “การตัดสินใจตามสัญชาติญาณ” เป็นการตัดสินใจที่ให้ความรู้สึกถูกต้อง การตัดสินใจทั้งหมดเกิดขึ้นในสมองส่วนลิมบิก จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เราใช้คำว่า “รู้สึก” ในการอธิบายการตัดสินใจเหล่านั้น[12] เนื่องจากสมองสมองส่วนที่ควบคุมการตัดสินใจควบคุมความรู้สึกด้วย
          สมองส่วนลิมบิกทรงพลังมากจนสามารถกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมที่สวนทางกับเหตุผล เรามักเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง แม้สวนทางกับข้อเท็จจริงและข้อมูลทั้งหมดที่มี บริษัท (พรรคการเมือง) ที่ไม่สื่อสารจุดมุ่งหมายของตัวเองออกมา บีบให้เราต้องตัดสินใจตามหลักฐานที่จับต้องได้เท่านั้น ซึ่งใช้เวลานานกว่า ยากกว่าและสุดท้ายเราก็ยังไม่แน่ใจในการตัดสินใจอยู่ดี การไม่สื่อสารจุดมุ่งหมายของคุณออกไปจะสร้างความเครียดและเคลือบแคลงใจ ขณะที่คนจำนวนมากที่ถูกดึงดูดให้ซื้อเครื่องแมค ไม่จำเป็นต้องปรึกษากับใครว่าจะเลือกซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ยี่ห้อไหนดี เพราะพวกเขารู้สึกมั่นใจอย่างเหลือล้นในการตัดสินใจของตนเอง ข้อมูลที่จับต้องได้เพียงช่วยให้พวกเขาเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับความต้องการมากที่สุด
          การตัดสินใจเกิดขึ้นแล้วโดยเริ่มต้นที่คำว่าทำไมในสมองส่วนความรู้สึก จากนั้นสมองส่วนเหตุผลค่อยเข้ามาอธิบายหรือหาเหตุผลสนับสนุนการตัดสินใจ นั่นคือความหมายของการชนะได้ทั้งใจและความคิด ใจเป็นตัวแทนของสมองส่วนลิมบิกที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึก ส่วนความคิดคือ สมองส่วนที่ใช้เหตุผลและภาษา บริษัทส่วนใหญ่ถนัดในเรื่องการโน้มน้าวความคิดโดยวิธีเปรียบเทียบให้เห็นว่า ผลิตภัณฑ์ของตนมีคุณสมบัติเหนือกว่าคู่แข่งอย่างไรบ้าง แต่การชนะใจคนต้องใช้มากกว่านั้น และการชนะใจคนก่อนที่จะโน้มน้าวความคิดไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องอาศัยสมดุลอันละเอียดอ่อนระหว่างศิลป์และศาสตร์ (Simon เน้นว่า “ศิลป์” มาก่อน “ศาสตร์”) เนื่องจากสมองส่วนลิมบิกไม่สามารถถ่ายทอดเหตุผลในการตัดสินใจออกมาเป็นคำพูดได้ การเป็นผู้นำจึงเป็นการทำตามหัวใจ....และ คำว่าทำไมต้องมาเป็นอันดับแรก
          เมื่อไม่รู้ว่าทำไม การตัดสินใจจะเป็นเรื่องยากขึ้น เราจึงต้องหันไปพึง “ศาสตร์” หรือข้อมูลต่างๆเพื่อประกอบการตัดสินใจ ผู้นำและองค์กรที่ยิ่งใหญ่มักมองเห็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่มองไม่เห็น และพวกเขาก็มอบสิ่งที่เราไม่เคยแม้แต่จะนึกฝันถึง ในช่วงที่เกิดการปฏิวัติวงการพีซี ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ไม่เคยร้องขอให้มีไอคอนบนหน้าจอ    แต่นั่นคือสิ่งที่แอปเปิลมอบให้เรา เวลาที่ถูกบังคับให้ตัดสินใจในแบบที่ขัดกับความรู้สึกเราเชื่อสัญชาติญาณที่บอกว่าเราควรลงคะแนนให้ใครหรือซื้แชมพูยี่ห้อไหน แต่สมองที่ทำงานแบบแยกส่วนทำให้เราไม่สามารถอธิบายเหตุผลที่แท้จรงของการตัดสินใจออกมาได้ เราจึงหาสิ่งที่จับต้องได้มาเป็นเหตุผลรองรับ เช่น การออกแบบ การบริการ หรือแบรนด์ ซึ่งทำให้เข้าใจผิดว่า ราคาหรือคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์มีส่วนสำคัญต่อการตัดสินใจ
การอ้างว่าผลิตภัณฑ์ของคุณดีกว่า (พร้อมทั้งแสดงข้อมูลประกอบอย่างแน่นหนา) อาจกระตุ้นให้ผู้คนซื้อของจากคุณได้ แต่ไม่ช่วยสร้างความจงรักภักดี หากลูกค้าได้รับแรงบันดาลใจให้ซื้อผลิตภัณฑ์ (แทนที่จะถูกกระตุ้นด้วยสิ่งล่อใจ) พวกเขาจะสามารถให้เหตุผลได้ว่าทำไมสิ่งที่ซื้อถึงดีกว่าของคู่แข่ง บรรดาผู้นำและบริษัทที่สร้างแรงบันดาลใจ เข้าใจดีว่าความจงรักภักดีอย่างเหนียวแน่น เกิดจากเจตนารมณ์หรือจุดมุ่งหมาย ซึ่งสะท้อนให้เห็นผ่านตัวบริษัท ผลิตภัณฑ์หรือตัวบุคคลเท่านั้น
กล่าวโดยสรุป ต้องเริ่มต้นที่ความชัดเจน คุณต้องรู้ว่าทำไมถึงทำสิ่งที่ทำอยู่ อย่าลืมว่าผู้คนจะตัดสินใจเลือกคุณหรือไม่ โดยดูจากเหตุผลที่คุณทำสิ่งนั้น ถ้าแม้แต่ตัวคุณเองไม่รู้แล้วคนอื่นจะรู้ได้อย่างไร ผู้นำองค์กรที่พูดถึงแต่สินค้าหรือบริการของตน แต่กลับไม่แน่ใจว่าทำไมองค์กรจึงก่อตั้งขึ้นมา แล้วเขาจะหวังให้พนักงานรู้จุดมุ่งหมายในการทำงานได้อย่างไร หากนักการเมืองบอกไม่ได้ว่าทำไมพวกเขาถึงมาลงสมัคร (นอกเหนือจากข้ออ้างยอดนิยมเช่น “เพื่อรับใช้ประชาชน”) ประชาชนจะรู้ได้อย่างไรว่าควรสนับสนุนใคร การใช้ “สิ่งล่อใจ” อาจทำให้ผลการเลือกตั้งออกมาในแบบที่ต้องการ แต่ไม่ช่วยให้เราได้ผู้นำที่ดี คนเป็นผู้นำต้องมีผู้ตามที่เชื่อในสิ่งเดียวกัน ขณะนี้ ท่านผู้อ่าน “ตัดสินใจ” แล้วหรือยังว่าจะซื้อ “จุดมุ่งหมาย” หรือ “ผลิตภัณฑ์” ของใคร



[1] ข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทย (มท.) ณ วันที่ กุมภาพันธ์ 2562 ระบุว่า การเลือกตั้ง 24 มีนาคมนี้ มียอดผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ จำนวน 51,419,975 คน (ชาย 24,801,527 คน หญิง 26,618,448 คน) โดยแบ่งตามช่วงอายุดังนี้ 1) ช่วงอายุ 18-25 ปี ถือเป็นกลุ่ม First Vote จำนวนผู้มีสิทธิ 7,339,772 คน แบ่งเป็นผู้มีสิทธิชาย 3,737,234 คน หญิง 3,602,538 คน 2) ช่วงอายุ 26-45 ปี เป็นกลุ่มช่วงอายุที่มีผู้มีสิทธิมากที่สุด จำนวน 19,583,472 คน แบ่งเป็นชาย 9,773,406 คน หญิง 9,810,066 คน 3) ช่วงอายุ 46-60 ปีจำนวน 14,444,663 คน แบ่งเป็นชาย 6,861,279 คน หญิง 7,538,384 คน และ 4) ช่วงอายุ 61 ปี ขึ้นไป จำนวน 10,052,068 คน แบ่งเป็นชาย 4,429,608 คน หญิง 5,622,460 คน – ดูใน “ผู้มีสิทธิเลือกตั้งพุ่ง 51.4 ล้านคน”ฐานเศรษฐกิจ (ฉบับ 3 - 6 มี.ค. 62) น.16
[2] โพลชี้ คนเกือบ 50% ยัง "ไม่รู้" ต้องกาบัตรเลือกตั้งกี่ใบ ไทยรัฐออนไลน์ (10 มีนาคม 2562-https://www.thairath.co.th/content/1515476
[3] ก่อตั้งขึ้นโดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรองประธานบริหารบริษัทไทยซัมมิท รศ.ดร.ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และผู้ร่วมจดจัดตั้งอีก 24 คน ยื่นจดแจ้งชื่อจัดตั้งพรรคต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 มีนาคม 2561 โดยได้รับการับรองจากคณะกรรมการการเลือกตั้งให้มีสถานะเป็นพรรคการเมืองอย่างเป็นทางการเมื่อ ตุลาคม 2561 - https://futureforwardparty.org/about-fwp/future-forward-party
[4] 'ธนาธร' ต้องอ่าน 'แก้วสรร'เขียน 'สมการอนาคตใหม่มากกว่าทะเยอทะยาน หาเสียงโปรยหว่านความเกลียดชังกวนตีนไปทั่ว เว็บไซต์ไทยโพสต์ (27 กุมภาพันธ์ 2562) - https://www.thaipost.net/main/detail/30097
[5] “อนค. ส่งทนายฟ้อง "ม.จ.จุลเจิม–ทีนิวส์" กล่าวหาล้มเจ้า”เว็บไซต์คมชัดลึก (6 มีนาคม 2562) - http://www.komchadluek.net/news/regional/364687
[6] 'กำนันสุเทพ'ฉีกทฤษฎีตะวันตก!อบรมเลขาฯส้มหวาน'สังขารไม่สำคัญเท่าสำนึกรักแผ่นดิน' เว็บไซต์ไทยโพสต์ (6 มีนาคม 2562) https://www.thaipost.net/main/detail/30673
[7] ‘ไพศาล’ วิเคราะห์ เหตุผล ‘พรรคอนาคตใหม่’ ชนะ ‘พรรคลุงกำนัน’ มติชนออนไลน์ (27 กุมภาพันธ์ 2562) https://www.matichon.co.th/politics/news_1382853
[8] "ธนาธร" โต้เสนอพา "ทักษิณ" กลับบ้าน อัดสื่อบิดเบือน ไทยรัฐออนไลน์ (10 มีนาคม 2562) -https://www.thairath.co.th/content/1515451
[9] Start with why ทำไมต้องเริ่มด้วย “ทำไม” Simon Sinek ผู้เขียน วิญญู กิ่งหิรัญวัฒนา ผู้แปล, สำนักพิมพ์วีเลิร์น, 2017 หน้า 47 - 61.
[10] https://futureforwardparty.org/about-fwp/our-vision
[11] ความต้องการพื้นฐานอย่างหนึ่งของมนุษย์คือ การเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มซึ่งเป็นความรู้สึกที่เราจะได้รับหรือเมื่ออยู่ท่ามกลางผู้คนที่มีค่านิยมและความเชื่อเหมือนเรา ความต้องการดังกล่าวอาจฟังดูไม่สมเหตุสมผล แต่มันอยู่คู่กับมนุษย์ในทุกวัฒนธรรมมาโดยตลอด - Start with why ทำไมต้องเริ่มด้วย “ทำไม” เชิงอรรถที่ 9 หน้า 66 - 68
[12] เชิงอรรถที่ 9 อ้างแล้ว หน้า 70
Author Image

About Kim
Kim is a retired civil servant, specializing in intelligence analysis. He loves productivity hacks, minimalist workflows and CSI series.

No comments

Powered by Blogger.