ความมั่นคงโลก (กายภาพ) ในปี 2020: แนวโน้มภูมิศาสตร์การเมือง (Geopolitical) ตอนที่ 1

ที่มา: https://www.leadingauthorities.com/uk/blog/trending-geopolitical-speakers-hot-international-topics

ริ่มต้นปีแรกของทศวรรษ 2020 ประเทศต่าง ๆ กำลังเชื่อมต่อกันมากขึ้นทั้งทางอากาศ พื้นดิน ท้องทะเลและโลกไซเบอร์ (cyber space)[1] ขณะที่ความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์การเมือง (Geopolitical risk) จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความมั่นคงโลกตลอดปีที่จะมาถึงและนอกเหนือจากนั้น ปี 2020 เป็นจุดเปลี่ยน (Tipping point) ที่ไม่มีวันหวนกลับ[2] ซึ่งความท้าทายดังกล่าวทับซ้อนและมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน เนื่องจากพัฒนาการของเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ (emerging technologies) การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของประชากรและองค์ประกอบด้านวัฒนธรรม - สังคม
          แนวโน้ม ประการที่ควรจับตาอย่างใกล้ชิดในปีนี้ได้แก่ การแพร่ขยายข้อมูลบิดเบือนอย่างต่อเนื่อง การต่อต้านยิวและโลกาภิวัตน์ของลัทธิคนขาวผู้สูงส่ง การเปลี่ยนแปลงระเบียบโลกจากขั้วเดียวเป็นหลายขั้ว แรงเหวี่ยงจากขบวนการชุมนุมประท้วงทั่วโลกและความสำคัญของความมั่นคงด้านพลังงาน ซึ่งเป็นปัจจัยกำหนดนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงของรัฐชาติ[3]
          วิกฤตการณ์เร่งด่วนที่สุดในปี 2020 คือ การเปิดตัวของความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯกับอิหร่าน ระดับความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์การเมืองส่งผลให้ความท้าทายประชาคมโลกมีความซับซ้อนมากขึ้น ทั้งนี้ การจัดการปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องอาศัยการประสานความร่วมมือระหว่างรัฐชาติและตัวแสดงที่ไม่ใช่รัฐ ภาครัฐและเอกชน ภาคธุรกิจ/บริษัทและองค์กรภาคประชาสังคม
ข้อมูลบิดเบือน (Disinformation)[4]
          การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในปี 2020 จะติดหล่มการสาดโคลนเสียดสีและเล่าเรื่องเท็จ โดยเป็นเรื่องยากที่ชาวอเมริกันผู้มีสิทธิออกเสียงจะแยกแยะระหว่าง “ความจริง” กับ “เรื่องโกหก” ภัยคุกคามสำคัญที่สุดอาจเป็นการหลอมรวมของเทคโนโลยีคลิปปลอม (Deepfake)[5] และเครื่องมือรวบรวมวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคล (mining) เพื่อระบุตัวกลุ่มผู้มีสิทธิออกเสียงที่คาดเดาได้ยาก (Swing Vote)[6] ซึ่งอาจถูกกระทำให้เปลี่ยนแปลงความเชื่อด้วยคลิปเสียงและวิดิโอที่ออกแบบเฉพาะ Deepfake ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการขับเคลื่อน สร้างเนื้อหา (เสียงและวิดิโอ) นำเสนอต่อกลุ่มเป้าหมายด้วยเรื่องเล่าที่ดูเหมือนจริง ซึ่งเริ่มแพร่หลายและทวีความซับซ้อน
          ปัจจุบันยังไม่มีระเบียบกฎหมายที่ใช้ควบคุมการใช้งาน Deepfake และโฆษณาทางการเมืองที่ปลอมแปลง ในสหรัฐฯมีสองมลรัฐคือ เท็กซัสและแคลิฟอร์เนียที่ผ่านกฎหมายห้ามวิดีโอ Deepfake ทางการเมือง อย่างไรดีกฎหมายทั้งสองมีข้อบกพร่องที่สำคัญ Facebook ประกาศเมื่อปีที่ผ่านมาว่าจะไม่ลบโฆษณาทางการเมืองที่ทราบว่าเป็นเท็จ ส่วน Twitter ห้ามโฆษณาทางการเมืองและตัดสินใจที่จะติดธง Deepfake ทางการเมือง แต่ไม่ลบ ความไม่เพียงพอของกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ ประกอบกับท่าทีระมัดระวังของบริษัทผู้ผลิตโปรแกรมในซิลิคอนแวลลีย์ ในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯปี 2020 จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะถูกเปิดเผยและได้รับผลกระทบจาก Deepfake ทางการเมือง
ในระดับระหว่างประเทศชัดเจนว่าความมั่นคงโลกถูกคุกคามโดย Deepfake และความขัดแย้งอื่น ๆ ที่อาจแพร่กระจายจากโลกเสมือนไปสู่โลกกายภาพ
การต่อต้านยิว/ลัทธิคนขาวผู้สูงส่ง (Anti-Semitism/White Supremacy Extremism)
          ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาการก่อการร้ายในสหรัฐฯ ผู้ก่อเหตุมักเกี่ยวข้องกับกลุ่มต่อต้านยิวและกลุ่มนิยมลัทธิคนขาวผู้สูงส่ง การโจมตีใน El Paso, Pittsburgh, และ Poway สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงจากภัยคุกคามในประเทศที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกลุ่ม Salafi Jihadist เช่น รัฐอิสลามและอัล-ไคดาไปเป็นพวกหัวรุนแรงที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการโฆษณาชวนเชื่อของพวกนาซีหรือการเหยียดชุมชนผู้อพยพ ช่วงปลายปี 2019 มีการโจมตีต่อต้านยิวและการกระทำป่าเถื่อนต่อสุสานชาวยิวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่มหานครนิวยอร์ก/เขตมหานครของนิวเจอร์ซีย์ เหตุยิงเมื่อต้นธันวาคมมีเป้าหมายร้านขายของชำชาวยิวในเจอร์ซีย์ซิตี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 คนโดยบุคคลที่เชื่อมโยงกับขบวนการ Black Israelite และกลุ่มต่อต้านเกลียดชังชาวยิว
          ต่อมาในธันวาคมในเขต Monsey นิวยอร์ก บุคคลที่มีความเชื่อมโยงกับขบวนการ Black Israelite ได้ก่อเหตุโจมตีด้วยมีดที่บ้านพักนักบวชยิว (rabbi) ช่วงเทศกาล Hanukah ทำให้มีผู้บาดเจ็บ คน เพื่อรับมือกระแสความรุนแรงที่เพิ่มขึ้น นายกเทศมนตรีเมืองนิวยอร์ก Bill DeBlasio ได้จัดตั้งหน่วยงานพิเศษภายในกรมตำรวจนครนิวยอร์ก เพื่อจัดการภัยคุกคามที่เกิดจากลัทธิหัวรุนแรงทางเชื้อชาติและชาติพันธ์ (Racially and Ethnically Motivated Extremism - REME) ขณะที่รัฐบาลกลางสหรัฐฯยังไม่ได้ทุ่มเททรัพยากรที่จำเป็น เพื่อตอบสนองความท้าทายด้านการก่อการร้ายในประเทศที่เปลี่ยนไปแต่อย่างใด (โปรดติดตามตอนต่อไป-จบ)



[1] 2020 ANNUAL FORECAST: A GLOBAL OVERVIEW Stratfor Dec 12, 2019 https://worldview.stratfor.com/article/2020-annual-forecast-global-overview-global-risk-geopolitical-hotspots/global-trends
[2] EURASIA GROUP'S TOP RISKS FOR 2020 EURASIA GROUP https://www.eurasiagroup.net/issues/Top-Risks-2020?utm_source=Google&utm_medium=Google%20Ads&utm_campaign=Top%20Risks%202020&gclid=EAIaIQobChMI1KDdu9-J5wIVQ5WPCh1rDQiyEAAYASAAEgKAPfD_BwE
[3] 5 GEOPOLITICAL TRENDS TO WATCH IN 2020 The Soufan Center January 7, 2020 https://mailchi.mp/thesoufancenter/5-geopolitical-trends-to-watch-in-2020?e=c4a0dc064a
[4] ข้อมูลที่ถูกบิดเบือนและบุคคลที่เผยแพร่ก็รู้แก่ใจว่าไม่เป็นความจริงเป็นการเจตนาโกหกและมีเป้าหมายคือ กลุ่มคนที่ถูกหลอกได้ง่ายโดยผู้ไม่ประสงค์ดี ดู การเสนอข่าวปลอมและข้อมูลบิดเบือน : คู่มือเพื่อการศึกษาและฝึกอบรมด้านวารสารศาสตร์ UNESCO Available at https://unesdoc.unesco.org/ark:/48223/pf0000372137
[5] เป็นการรวมกันระหว่าง คำ คือ “Deep Learning” หรือ “การเรียนรู้เชิงลึก” หมายถึง ชุดตรรกะของระบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence - AI) ที่เรียนรู้จากการทดลอง เช่น กำหนดเส้นทางรถแข่งเป็นโค้งรูปตัว “S” เมื่อเริ่มการทดลง AI รุ่นแรกก็จะวิ่งเป็นเส้นตรงและรุ่นถัดมาเรื่อยๆก็จะเริ่มเรียนรู้ว่าเส้นทางโค้งอย่างไร แล้วเรียนรู้การเลี้ยวโค้งตามเส้นทาง ส่วนอีกคำหนึ่งที่มารวมกับคำว่า Deep Learning คือคำว่า “Fake” แปลว่า “ปลอม” ที่มาของ Deepfake เริ่มจากปลายปี 2017 ผู้ใช้รายหนึ่งในเว็บไซต์ Reddit (คล้ายๆ Pantip เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ) ใช้ชื่อว่า “Deepfakes” นำภาพของดาราดังระดับโลกสลับหน้า (Face swap) กับนางแบบภาพยนตร์ลามกอนาจาร ดู https://www.brickinfotv.com/news/technology/8147/
[6] กลุ่มคะแนนเสียงที่คาดเดาได้ยาก หรือ Swing Vote VOA มกราคม 18, 2008 https://www.voathai.com/a/a-47-2008-01-18-voa2-90644794/922039.html
Author Image

About Kim
Kim is a retired civil servant, specializing in intelligence analysis. He loves productivity hacks, minimalist workflows and CSI series.

No comments

Powered by Blogger.