การเตรียมความพร้อมทางทหาร: ผลกระทบจาก COVID-19

ที่มาภาพ: https://shape.nato.int/defender-europe

ารเปลี่ยนย้ายกำลังพลและวัสดุอุปกรณ์ทางทหารไปช่วยเพิ่มขีดความสามารถของพลเรือนในประเทศของสหรัฐฯ เพื่อรับมือการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) ทำให้บทบาทความเป็นมหาอำนาจในต่างประเทศเปราะบางมากขึ้น การยกเลิกการซ้อมรบร่วมสหรัฐฯ - องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (North Atlantic Treaty Organisation - NATO) ในห้วงเวลาที่ยุโรปมีความเปราะบางรวมทั้งยกเลิกการซ้อมรบร่วมอื่น ๆ อาจกัดกร่อนขีดความสามารถของพันธมิตรของสหรัฐฯในการตอบโต้ความท้าทายในอิรัก รวมทั้งแอฟริกาเหนือและแอฟริกาตะวันตกซึ่งกลุ่ม Salafi-jihadist กำลังพยายามรวมตัวกันคุกคามเสถียรภาพและความมั่นคง[1]
          การแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการเตรียมความพร้อมทางทหารของสหรัฐฯ ทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง โดยกองทัพสหรัฐฯมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือสนับสนุนหน่วยพลเรือนในการคัดแยกผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสในประเทศ กองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติ (National Guard) และกองทัพบก (ทหารช่าง) เคลื่อนย้ายทรัพยากรรวมทั้งอุปกรณ์การแพทย์ โรงพยาบาลสนาม โรงพยาบาลเรือและบุคลากรทางทหาร เพื่อจัดการไวรัส COVID-19 ที่คร่าชีวิตประชาชน ขณะเดียวกันเผยให้เห็นอันตรายและข้อจำกัดของขีดความสามารถในการรับมือวิกฤติข้ามชาติของสหรัฐฯในภาวะฉุกเฉิน
          ไวรัสโคโรนากระทบการเป็นพันธมิตรระดับโลกระหว่างสหรัฐฯกับ NATO ที่เห็นได้ชัด คือ การยกเลิกการซ้อมรบร่วม Defender Europe-20[2] ซึ่งจะมีทหารสหรัฐฯ 20,000 นาย พร้อมยุทโธปกรณ์ 20,000 ชิ้น ร่วมซ้อมรบข้ามชาติขนาดใหญ่ เพื่อแสดงการปฏิบัติการร่วม (interoperability) และขีดความสามารถในการขยายการเข้าถึงยุโรปตะวันออก การซ้อมรบร่วมดังกล่าวถูกยกเลิกในห้วงเวลาที่มีความหวาดกลัวการแผ่อิทธิพลของรัสเซียในคาบสมุทรไครเมีย ยูเครนตะวันออกและยุโรป ส่งผลสะท้อนต่อเนื่องตลอดทั่วเมืองหลวงของชาติตะวันตกจากวอชิงตันถึงบรัสเซลส์
          รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีแผนให้ NATO รับบทบาทสำคัญในการต่อต้านกลุ่มรัฐอิสลาม (Islamic State) ต่อไป ขณะที่สหรัฐฯได้ถอนกำลังพลและทรัพยากรในการต่อต้านการก่อการร้ายอย่างต่อเนื่อง เมื่อปลายกุมภาพันธ์ 2020 NATO ประกาศเพิ่มทรัพยากรสำหรับภารกิจฝึกอบรมในอิรัก แต่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าจะหาทรัพยากรเหล่านั้นได้จากไหน ผลกระทบจากไวรัสต่อเรื่องนี้มีความสำคัญ เพราะกลุ่ม IS ยังคงพยายามฟื้นฟูรวมกลุ่มกันใหม่ ท่ามกลางสุญญกาศอำนาจ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการถอนตัวของสหรัฐฯออกจากภูมิภาค
          ขณะเดียวกันสหรัฐฯยกเลิกการซ้อมรบร่วมหลายรายการ ในแอฟริกา กลุ่มก่อการร้าย Salafi[3] - Jihadist[4] ฟื้นคืนชีพและขยายปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง กองบัญชาการทหารสหรัฐฯภาคแอฟริกา (U.S. Africa Command AFRICOM)[5] ยกเลิกการซ้อมรบ African Lion 2020 ซึ่งกำหนดจัดขึ้นที่โมรอกโก ตูนิเซียและเซเนกัล ส่วนการซ้อมรบทางทะเลรหัส Phoenix ซึ่งกำหนดจัดในเมษายน 2020 ก็ถูกยกเลิกด้วย ในเขตทุนดราของแอฟริกา การซ้อมรบ Operation Cold Response ซึ่งเกี่ยวข้องกับ 10 ประเทศรวมทั้งสหรัฐฯถูกยกเลิกหลังจากเริ่มปฏิบัติ เนื่องจากทหารนอร์เวย์มีผลตรวจเชื้อไวรัสเป็นบวก ไวรัส COVID-19 ไม่เพียงขัดขวางการซ้อมรบของสหรัฐฯกับ NATO แต่ยังเปิดโอกาสแสวงประโยชน์ให้กลุ่มที่ไม่ใช่รัฐ
          การศึกษาทางทหารของสหรัฐฯก็ได้รับผลเชิงลบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาเช่นกัน โรงเรียนนายร้อย (กองทัพบก) และโรงเรียนนายเรือได้ปรับตัวหันไปเรียนทางไกลอย่างรวดเร็ว แต่โรงเรียนนายเรืออากาศ ซึ่งมีนักเรียน 1,000 คน ตัดสินใจเชื่องช้ากว่า นักเรียนทุกคนถูกสั่งให้อยู่ในวิทยาเขตและแยกตัวจากสังคม (social isolation) เมื่อปลายมีนาคม 2020 นักเรียนนายเรืออากาศสองคนฆ่าตัวตายอย่างอนาถ โรงเรียนทหารของสหรัฐฯมีความสำคัญอย่างมากต่อการเสริมกำลังในกองทัพ ขณะที่ผู้สำเร็จการศึกษาระดับอาวุโสสามารถทำงานในสาขาที่ได้รับการฝึก (เตรียมกำลัง)
             ขณะนี้ยังไม่สามารถวัดผลกระทบระยะยาวของการเรียนรู้ของนายทหารรุ่นใหม่ โดยเฉพาะการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติหรือความรู้แบบฝังลึก (tacit knowledge) หากการเรียนรู้ออนไลน์ดำเนินต่อไปอย่างไม่มีกำหนด อาจมีผลต่อทักษะสำคัญและขีดความสามารถของนายทหารชั้นสัญญาบัตร ซึ่งคาดว่าจะเป็นผู้นำทางทหารในสนามรบต่อไป การเสริมกำลังพลทหารเกณฑ์รุ่นใหม่ที่หยุดชะงักลง เพราะความล่าช้าของการฝึกรวมทั้งการยกเลิกการฝึกนาวิกโยธินรุ่นใหม่ที่เพิ่งรับสมัครที่เกาะ Parris ใน South Carolina เป็นผลกระทบจาก COVID-19 ซึ่งกระทบต่อการเตรียมพร้อมทางทหารของสหรัฐฯ




[1] HOW WILL COVID-19 IMPACT U.S. MILITARY READINESS? INTELBRIEF Thursday, April 23, 2020 Available at: https://mailchi.mp/thesoufancenter/how-will-covid-19-impact-us-military-readiness?e=c4a0dc064a
[2] การซ้อมรบข้ามชาติครั้งใหญ่ที่นำโดยสหรัฐฯซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในเดือนเมษายน - พฤษภาคม 2020 โดยมีการเคลื่อนย้ายบุคลากรและอุปกรณ์ระหว่างกุมภาพันธ์ - กรกฎาคม 2020 ดู Defender Europe 20: Preparing For War From German Soil worldbeyondwar.org Available at: https://worldbeyondwar.org/th/defender-europe-20-preparing-for-war-from-german-soil/
[3] ดูเพิ่มเติม ขบวนการซาลาฟีกับการเคลื่อนไหวข้ามชาติรูปลักษณ์ต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ZOLTAN PALL สืบค้นที่: https://kyotoreview.org/thai/modalities-of-salafi-transnationalism-in-southeast-asia-thai-2/
[4] ดูเพิ่มเติม Jihadi หรือ Jihadist by Amy Zalman, Ph.D. สืบค้นที่: https://th.eferrit.com/jihadi-หรือ-jihadist/
[5] ก่อตั้งขึ้นในปี 2007 โดยมีฐานะเป็น ใน กองบัญชาการหน่วยสู้รบร่วม (Unified Combatant Commands) ของสหรัฐฯ กองบัญชาการทหารสหรัฐฯภาคแอฟริกา ตั้งกองบัญชาการอยู่ที่ค่าย Kelley Barracks เมืองสตุ๊ตการ์ต เยอรมนี รับผิดชอบการปฏิบัติการทางทหารและความสัมพันธ์ทางทหารของสหรัฐฯในทวีปแอฟริกาทั้งหมด (ยกเว้นอิยิปต์) ที่เป็นความรับผิดชอบของกองบัญชาการทหารสหรัฐฯภาคกลาง (U.S. Central Command – USCENTCOM or CENTCOM) Available at: https://en.wikipedia.org/wiki/United_States_Central_Command
Author Image

About Kim
Kim is a retired civil servant, specializing in intelligence analysis. He loves productivity hacks, minimalist workflows and CSI series.

No comments

Powered by Blogger.