เทคโนโลยีกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 (ตอนแรก)

 

ที่มาภาพ: https://www.123rf.com/photo_122785355_stock-vector-ai-artificial-intelligence-concept-ai-digital-brain-abstract-digital-human-face-human-head-in-robot-.html

ารแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องของไวรัส COVID-19 ได้เปลี่ยนโลกในหลายด้านและเป็นแรงผลักดันให้เกิดการปรับใช้เทคโนโลยีแบบคาดไม่ถึงรวมทั้งเร่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (digital transformation)[1] บทความของ Bernard Marr นักเขียน/นักอนาคตศาสตร์/ที่ปรึกษาทางกลยุทธ์ ได้วิเคราะห์แนวโน้มการแปลี่ยนแปลงในอนาคต (Mega Trend)[2] ของเทคโนโลยี 5 ประการในยุคของเราที่ถูกเร่งการปรับใช้ เพื่อค้ำจุนการดำเนินชีวิต ธุรกิจ การแข่งขันและรับมือผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสดังนี้[3]

1. ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence - AI)

ในห้วงเวลาก่อนการแพร่ระบาด AI ช่วยให้ลูกค้ามีส่วนร่วมกับองค์กรและยกระดับกระบวนการทำธุรกิจแบบอัตโนมัติ ขณะนี้เรามีข้อมูล (data) มากกว่าสมัยก่อน AI ทำให้ความหมายบางอย่างของข้อมูลรวดเร็วยิ่งขึ้น ระหว่างการแพร่ระบาดของ COVID-19 เวลาเป็นปัจจัยสำคัญ AI ช่วยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขคาดการณ์อัตราการติดเชื้อและขีดความสามารถห้อง ICU ในการรองรับความต้องการของผู้ป่วย

เมื่อแรกเริ่มมาตรการปิดเมือง (lock downAI ช่วยให้บริษัททำความเข้าใจแนวโน้มทางเศรษฐกิจ คู่แข่งและลูกค้า บริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่งในสหรัฐฯใช้ AI และภาพถ่ายดาวเทียมในการทำความเข้าใจและวิเคราะห์ความก้าวหน้าของบริษัทคู่แข่ง

AI มีความสามารถในการอ่าน เขียน มองเห็นและพูด บริษัท SummarizeBot ซึ่งเชี่ยวชาญการใช้ AI วิเคราะห์ รวบรวมและสรุปข่าวสารทุกประเภทได้อย่างกระชับ AI ไม่เพียงมีความสามารถในการ “อ่าน” ยัง “เขียน” ได้ด้วยการทำงานแบบเดียวกับที่มนุษย์ทำ สื่อมวลชนรายใหญ่เช่น The New York Times, Washington Post และ Forbes ผลิตเนื้อหาด้วยเครื่องจักรแบบเดียวกับที่ Alibaba แพลตฟอร์มการค้าอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของโลก ใช้ระบบอัตโนมัติ AI สร้างข้อมูลสินค้าโดยการประมวลผลด้วยภาษาธรรมชาติ (natural language)

เราได้เห็น AI “มองเห็น” ด้วยความรู้สึกผ่านการจดจำใบหน้า (facial recognition) และความสามารถในการมองเห็นด้วยเครื่องจักร Domino’s Pizza ใช้ระบบการมองเห็นด้วยเครื่องจัรและเครื่องมือ AI ในการสแกนพิซซ่าเพื่อให้แน่ใจว่าผ่านมาตรฐานการควบคุมคุณภาพ การดูแลสุขภาพด้วยการเรียนรู้ของเครื่องจักร (machine learning) ช่วยสแกนภาพปอดของผู้คน เพื่อดูผลกระทบของไวรัสโคโรนาและอื่น ๆ รวมทั้งประเมินและวิเคราะห์ภาพรังสีเอกซ์ช่วยการเข้าถึงระบบอัตโนมัติ

ปัญญาประดิษฐ์ช่วยให้เครื่องจักร “พูด” ได้เช่นกัน แชทบอทเป็นส่วนสำคัญของการสื่อสารและการมีส่วนร่วมกับลูกค้าเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีคนจำนวนมากได้รับอนุญาตให้ลาพักงาน เนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซูเปอร์มาร์เก็ต Lidl ใช้บอทไวน์ชื่อ Margot ให้คำแนะนำเกี่ยวกับไวน์แก่ลูกค้าผ่านทาง Facebook Messenger ซึ่งจะเติมเต็มอาหารที่พวกเขากำลังรับประทาน ในแต่ละวันพวกเราหลายคนพึ่งพา Siri, Alexa และ Google Home ในการบอกเส้นทาง พยากรณ์ตารางเวลาและอื่น ๆ และพวกเขาสามารถทำอย่างนั้นได้เพราะปัญญาประดิษฐ์

2. วิทยาการหุ่นยนต์ (Robotics) อากาศยานไร้คนขับ (Drone)[4] และพาหนะอัตโนมัติ (Vehicle Automation)

แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงอันดับต่อไปที่เร่งตัวขึ้นในช่วงการระบาดของ COVID-19 คือ การใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์ อากาศยานไร้คนขับและยานพาหนะอัตโนมัติ โดย AI เป็นตัวขับเคลื่อนของเทคโนโลยีดังกล่าว เพื่อให้แน่ใจว่าสอดคล้องกับการรักษาระยะห่างทางสังคม จีนใช้โดรนในการสอดส่องประชากรของตน Amazon นำการเรียนรู้ของเครื่องจักร (machine learning) มาใช้ในคลังสินค้า และในสิงคโปร์หุ่นยนต์สุนัขของ Boston Dynamics ชื่อ Spot ออกลาดตระเวนในสวนสาธารณะ หากพบเห็นผู้ฝ่าฝืน Spot จะเข้าใกล้และประกาศข้อความเสียงที่บันทึกไว้ แจ้งเตือนให้ประชาชนทราบ

การนำหุ่นยนต์ โดรนและระบบยานพาหนะอัตโนมัติมาใช้สร้างความยืดหยุ่นให้กับห่วงโซ่อุปทาน ในช่วงการระบาดของ COVID-19 โดยหลายบริษัทประสบปัญหาการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ดังกล่าว หากเกิดการแพร่ระบาดในอนาคต เริ่มมีการสำรวจหาทางลดการมีส่วนร่วมของมนุษย์ในห่วงโซ่อุปทานให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ด้วยเหตุนี้จึงมีการทดสอบการใช้หุ่นยนต์ในการขนส่งด้วยรถบรรทุกและเรืออัตโนมัติตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน

ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา UPS ให้บริการขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุกขับเคลื่อนด้วยตัวเอง เส้นทางระหว่าง Phoenix และ Tucson รัฐแอริโซนา โดยร่วมมือกับ TuSimple และ Daimler Trucks และ Torc Robotics ซึ่งเป็นบริษัทในเครือได้ปรับใช้รถบรรทุกหนักบนทางหลวงสาธารณะในเวอร์จิเนีย

Amazon ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐ (Federal Aviation Administration - FAA) ให้ใช้โดรนส่งของจาก Wing (บริษัทในเครือของบริษัทแม่ของ Google - Alphabet) เพื่อจัดส่งสินค้าในแบล็กส์เบิร์ก มลรัฐเวอร์จิเนีย ซึ่งมีความต้องการเพิ่มขึ้นกว่า เท่าในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่วน JD.com ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซของจีนใช้โดรนในการจัดส่งสินค้ามาตั้งแต่ปี 2016

ในอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ หุ่นยนต์ถูกนำมาใช้เพื่อส่งยาให้ผู้ป่วยรับประทานจนครบรวมทั้งการผ่าตัด ระบบหุ่นยนต์ผ่าตัด Mako ได้ผ่าตัดเปลี่ยนสะโพกและข้อเข่ามากกว่า 300,000 ครั้ง

หากคุณเป็นพนักงานของ Google หรือสมัครใช้บริการรถแท็กซี่ Waymo รถโดยสารรถอัตโนมัติจะพาคุณไปยังจุดหมายปลายทาง แม้ว่าจะยังอยู่ในขั้นตอนของโครงการนำร่อง แต่ก็เป็นสัญญาณของสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ขณะที่ดูไบมีบริการแท๊กซี่ (อากาศยาน) สองที่นั่งขับเคลื่อนด้วยตัวเองที่เรียกว่า Volocopter ทั้งนี้ เกือบทุกอย่างในความเป็นจริงสามารถทำให้เป็นระบบอัตโนมัติได้ เช่น นักบวชหุ่นยนต์ในวัดเก่าแก่อายุ 400 ปีในญี่ปุ่นหรือนักเต้นรูดเสาหุ่นยนต์ที่ไนต์คลับในฝรั่งเศส (ยังมีต่อ)



[1] คือ การนำ Digital Technology เข้ามาปรับใช้กับทุกภาคส่วนของธุรกิจ ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่รากฐานของธุรกิจไปจนถึงกระบวนการส่งมอบให้กับลูกค้า เป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบองค์กรอย่างมีกลยุทธ์โดยใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ทันตามโลกเศรษฐกิจ โดยไม่ถูก Digital Disruption เล่นงาน สืบค้นที่ https://www.tot.co.th/blogs/ดิจิทัลทิปส์/digital-updates/ดิจิทัลทิปส์/2019/07/23/digital-transformation-คืออะไร-สำคัญอย่างไรกับธุรกิจและองค์กร

[2] แรงผลักดันการพัฒนาเศรษฐศาสตร์มหภาคในระดับโลก ที่จะทำให้เกิดผลกระทบต่อธุรกิจ เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และการดำรงชีวิตของมนุษย์ ให้เป็นไปตามแรงขับเคลื่อนที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา และความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ จะเกิดขึ้นในลักษณะที่ผันผวนและมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นได้ในช่วงเวลาที่สั้นลงเรื่อยๆ

[3] Impact Of COVID-19 On Technology Bernard Marr - Author, Keynote Speaker, Advisor Available at: https://bernardmarr.com/default.asp?contentID=2100

[4] หรือ Unmanned Aerial Vehicles: UAVs

Author Image

About Kim
Kim is a retired civil servant, specializing in intelligence analysis. He loves productivity hacks, minimalist workflows and CSI series.

No comments

Powered by Blogger.