คนโง่และหลงตัว:“เป้าหมาย” สมบูรณ์แบบของ “การชักชวน” สายลับ
รัสเซียใช้ระยะเวลา 40
ปี ในการปลูกฝัง (cultivated) ให้โดนัลด์ ทรัมป์
อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐฯเป็น “สายลับอิทธิพล” โดย Yuri Shvets อายุ 67 ปี[1] อดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรอง
KGB[2] เปิดเผยกับ The Guardian เมื่อ 25 มกราคม 2021 ว่า
“สิ่งที่เกิดขึ้นกับทรัมป์เป็นกรณีตัวอย่างที่บุคคลอาจถูกชักชวน (recruit) ให้เป็นสายลับตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษาและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสำคัญ”[3] ทั้งนี้ Shvets เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญในหนังสือเล่มใหม่ชื่อ
American Kompromat ของ Craig Unger
นักเขียน/นักวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างทรัมป์กับปูติน
Shvets เปรียบเทียบ
“ทรัมป์” กับกรณี “Cambridge five” ข่ายงานสายลับอังกฤษของสหภาพโซเวียต
(รัสเซีย) ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองและช่วงต้นสงครามเย็น[4]
หนังสือของ Unger อธิบายว่า รัสเซียให้ความสนใจทรัมป์ครั้งแรกในปี
1977 เมื่อเขาแต่งงานกับภรรยาคนแรก Ivana Zelnickova นางแบบชาวเช็ก ทรัมป์กลายเป็น “เป้าหมาย” ปฏิบัติการจัดหาสายลับของหน่วยข่าวกรองเชโกสโลวะเกียซึ่งร่วมมือกับ
KGB
สามปีต่อมาทรัมป์เปิดตัวโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
the Grand Hyatt New York Hotel ตั้งอยู่ใกล้สถานี Grand
Central โดยทรัมป์จัดซื้อโทรทัศน์ 200 เครื่องจาก Semyon
Kislin ผู้อพยพชาวโซเวียตซึ่งเป็นเจ้าของร่วมบริษัทขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
Joy-Lud บนถนนฟิฟท์อเวนิว ซึ่งถูกควบคุมโดย KGB และ Kislin ซึ่งทำหน้าที่ผู้เก็งตัวสายลับ (spotter
agent) ระบุว่าทรัมป์เป็นนักธุรกิจดาวรุ่งที่มีศักยภาพเป็นสายลับอิทธิพล
อย่างไรก็ดี Kislin ปฏิเสธความสัมพันธ์กับ KGB
ต่อมาในปี 1987
ทรัมป์และอิวานาไปเยือนมอสโกและเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเป็นครั้งแรก Shvets กล่าวว่าเขาเป็นผู้กำหนดประเด็นสนทนาให้ KGB และผู้ปฏิบัติการของ
KGB ชักชวนให้ทรัมป์ลงเล่นการเมือง Shvets กล่าวต่อว่า สำหรับ KGB นี่คือการใช้เสน่ห์เชิงรุก (Charm
Offensive) เพื่อให้เข้าใจว่ารัสเซียไม่ใช่ภัยคุกคาม พวกเขารวบรวมข้อมูลจำนวนมากเกี่ยวกับมูลเหตุจูงใจของทรัมป์
โดยประเมินว่าทรัมป์มีความเปราะบางทั้งด้านสติปัญญาและจิตใจรวมทั้งมีแนวโน้มชอบการเยินยอ
KGB เล่นเกมแสวงประโยชน์ราวกับว่าพวกเขาประทับใจบุคคลิกภาพทรัมป์อย่างมาก
รวมทั้งเชื่อว่าในอนาคตทรัมป์อาจจะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ นั่นคือคนอย่างทรัมป์สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้
KGB ปรนเปรอทรัมป์ด้วยประโยคเด็ดหรือวรรคทองที่เรียกว่า “มาตรการเชิงรุก”
และถือเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของ KGB ในเวลานั้น
ไม่นานหลังเดินทางกลับจากรัสเซีย ทรัมป์ก็เริ่มเสนอตัวเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในนามพรรครีพับลิกันและรณรงค์หาเสียงที่เมืองพอร์ตสมัธ
มลรัฐนิวแฮมป์เชียร์ เมื่อ 1 กันยายน 1987 เขาซื้อโฆษณาแบบเต็มหน้าในหนังสือพิมพ์
New York Times, Washington Post และ Boston Globe นำเสนอความคิดเห็นตรงข้ามกับประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน โดยระบุว่าสหรัฐฯควรยุติการจ่ายงบประมาณป้องกันแก่ประเทศพันธมิตรที่สามารถป้องกันตัวเองได้[5]
อีกทั้งแสดงความสงสัยการมีส่วนร่วมของสหรัฐฯในองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (North
Atlantic Treaty Organisation - NATO)
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสร้างความประหลาดใจและยินดีอย่างมากในรัสเซีย
ไม่กี่วันต่อมา Shvets ได้กลับไปยังสำนักงานใหญ่ของ KGB
ในเมือง Yasenevo โดยได้พบผู้อำนวยการ
KGB ซึ่งรับทราบโทรเลขรายงานการประกาศโฆษณาของทรัมป์ว่าเป็นความสำเร็จของ
“มาตรการเชิงรุก” ซึ่งดำเนินการโดยสายลับอิทธิพลคนใหม่
Shvets คุ้นเคยกับกระบวนการชักชวนสายลับของ
KGB ที่เริ่มต้นในช่วงต้นทศวรรษที่ 70 และ 80
หลังจากนั้นก็ไม่เคยได้ยินอะไรแบบนั้นหรือที่คล้ายกันจนกระทั่งทรัมป์กลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ
นับเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อว่าจะมีใครเผยแพร่เรื่องราวแบบนั้นในนามตัวเอง เพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้คนในโลกตะวันตก
แต่ในที่สุดชายคนนี้ได้กลายเป็นประธานาธิบดี
ชัยชนะจากการเลือกตั้งของทรัมป์ในปี 2016 สร้างความยินดีแก่มอสโกอีกครั้ง รายงานสืบสวนของโรเบิร์ต มุลเลอร์
ที่ปรึกษาพิเศษของทำเนียบขาว ไม่ได้สร้างประเด็นการสมคบคิดระหว่างสมาชิกทีมหาเสียงของทรัมป์กับชาวรัสเซีย
แต่โครงการมอสโก (Project Moscow) ซึ่งริเริ่มโดย Center
for American Progress Action Fund พบว่าทีมหาเสียงและทีมงานประธานาธิบดีช่วงเปลี่ยนผ่านติดต่อคนรู้จักอย่างน้อย
272 รายและมีการประชุมอย่างน้อย 38 ครั้ง ที่เชื่อมโยงกับรัสเซีย
Shvets ได้ดำเนินการสืบสวนเรื่องดังกล่าวด้วยตัวเองและเห็นว่ารายงานของมุลเลอร์น่าผิดหวังอย่างมากเนื่องจากผู้คนคาดหวังว่าจะมีการตรวจสอบความสัมพันธ์หว่างทรัมป์และมอสโกอย่างละเอียด
แต่ความจริงปรากฎว่าเป็นการสอบสวนประเด็นอาชญากรรม (crime-related issues) โดยไม่มีแง่มุมด้านการต่อต้านข่าวกรองเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างทรัมป์กับมอสโก
ดังนั้นเขาจึงดำเนินการสืบสวนและร่วมมือกับ Unger โดยเชื่อว่าหนังสือของเขาจะเริ่มต้นจากจุดที่มุลเลอร์ทิ้งไว้
Unger ผู้มีผลงานเขียนหนังสือ
7 เล่มและอดีตบรรณาธิการร่วมของนิตยสาร Vanity Fair กล่าวว่า ทรัมป์เป็น “สินทรัพย์ (asset)” ไม่ได้ใหญ่โตขนาดนี้
แผนการอันแยบยลพัฒนาให้เขาเป็นประธานาธิบดีในอีก 40 ปีต่อมา เมื่อปี 1980 รัสเซียพยายามชักชวนและติดตามบุคคลหลายสิบคนอย่างบ้าคลั่ง “ทรัมป์เป็นเป้าหมายที่สมบูรณ์แบบ:
ความไร้สาระความหลงตัวเองทำให้เขาตกเป็นเป้าหมายการชักชวนโดยธรรมชาติ KGB ปลูกฝังเขาตลอดห้วงระยะเวลา 40 ปีจนกระทั่งได้รับเลือกตั้ง”
[1] Yuri Shvets (อดีตนายทหารยศพันตรี) ถูกส่งไปประจำการที่วอชิงตันในช่วงทศวรรษ 1980
ภายใต้สถานะการอำพรางเป็นผู้สื่อข่าวสำนักข่าว TASS และย้ายไปพำนักที่สหรัฐฯอย่างถาวรในปี 1993 และได้สัญชาติอเมริกัน
ปัจจุบันพำนักในรัฐเวอร์จิเนีย เขาทำหน้าที่ผู้ตรวจสอบความปลอดภัยขององค์กรและเป็นคู่หูของ
Alexander Litvinenko ซึ่งถูกลอบสังหารในลอนดอนในปี 2006
[2] ย่อมาจาก
Komitet Gosudarstvennoy Bezopasnosti หรือ คณะกรรมการความมั่นคงแห่งรัฐ
(State Security Committee) อดีตหน่วยงานกลาง
ดูแลการข่าวกรอง ความมั่นคง ตำรวจสันติบาลและกิจการชายแดนของสหภาพโซเวียตตั้งแต่ปี
1954 - 1991 KGB ถูกยุบไปหลังจากหัวหน้า KGB ร่วมก่อกบฏรัฐบาลประธานาธิบดีกอร์บาชอฟ แต่ไม่สำเร็จ
จึงถูกแทนที่โดยสำนักงานความมั่นคงกลาง (Federalnaya sluzhba bezopasnosti - FSB) แทน สืบค้นที่ https://th.wikipedia.org/wiki/คณะกรรมการความมั่นคงแห่งรัฐ_(สหภาพโซเวียต)
[3] ‘The perfect
target’: Russia cultivated Trump as asset for 40 years – ex-KGB spy David Smith
in Washington @smithinamerica Fri 29 Jan 2021 08.00 GMT
https://www.theguardian.com/us-news/2021/jan/29/trump-russia-asset-claims-former-kgb-spy-new-book
[4] The Cambridge
Five ปัญญาชนชั้นสูงของอังกฤษ สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์เป็นชาวอังกฤษ
4 คน คือ Guy Burgess (1911 – 1963) Kim Philby (1912
– 1988) John Cairncross (1913 – 1955) Donald Maclean (1913 – 1983) และชาวอเมริกัน 1 คน Michael Straight (1916
– 2004) เครือข่ายนี้สร้างความเสียหายอย่างมากต่อหน่วยสืบราชการลับของอังกฤษ
(MI 6) ในช่วงสงครามเย็นในปี 1940 และ 1950
เชื่อกันว่าข้อมูลที่ Philby ให้ไว้อาจเป็นเหตุให้เกิดวิกฤตการณ์ปิดล้อมเบอร์ลินระหว่างปี
1948 – 1949
[5] Trump: U.S. Should Stop Paying To Defend Countries
that Can Protect Selves JOHN SHANAHAN AP News September 2, 1987 Available
at https://apnews.com/article/05133dbe63ace98766527ec7d16ede08
Leave a Comment