หากประชาคมระหว่างประเทศไม่เอาเรื่องรัฐอันธพาล (rogue states) จะลอยนวลพ้นผิด

ที่มาภาพ: Flightradar24 @flightradar24 https://twitter.com/flightradar24/status/1396443632954183681/photo/1

บลารุสอาจถูกคว่ำบาตรเพิ่มเติม หลังจากรัฐบาลใช้เครื่องบินขับไล่ MiG-29 บังคับเปลี่ยนเส้นทางเที่ยวบิน FR4978 ของสายการบิน Ryanair จากกรุงเอเธนส์ กรีซไปยังกรุงวิลนีอุส ลิทัวเนีย ให้ลงจอดที่กรุงมินสก์ เบลารุส เพื่อควบคุมตัว Roman Protasevich นักข่าวฝ่ายต่อต้านรัฐบาลและแฟนสาว โดยมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของเบลารุส 2 คนซึ่งเดินทางมากับเที่ยวบินดังกล่าวแกล้งขู่ว่ามีการวางระเบิดบนเครื่องบิน ทั้งนี้ ประเทศตะวันตกรวมทั้งสหภาพยุโรปจะต้องตอบโต้การกระทำดังกล่าวอย่างจริงจัง เพื่อปกป้องกฎหมายระหว่างประเทศและยับยั้งพฤติกรรมที่คล้ายคลึงกันของรัฐอันธพาล (rogue ststes) ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต[1]

          การละเมิดกฎหมายการเดินทางระหว่างประเทศอย่างโจ่งแจ้งครั้งล่าสุดเมื่อ 23 พฤษภาคม 2021 โดยรัฐบาลเบลารุสบังคับเปลี่ยนเส้นทางสายการบินพลเรือนระหว่างประเทศ เพื่อจับกุม Roman Protasevich นักข่าวฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลและแฟนสาว Sofia Sapega ถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศหลายฉบับที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยการบินพลเรือนและอากาศยาน โดยสะท้อนให้เห็นความผุกร่อนอย่างต่อเนื่องของกฎหมายระหว่างประเทศ

สาเหตุที่ Protasevich ถูกรัฐบาลเบลารุสคุกคาม เพราะการรายงานข่าวการทุจริตการเลือกตั้งประธานิบดีเมื่อปี 2020 ส่วน Sapega ซึ่งร่วมเดินทางยังไม่ได้ถูกตั้งข้อหาแต่อย่างใด เที่ยวบิน FR4978 ของสายการบิน Ryanair ออกเดินทางจากกรุงเอเธนส์มุ่งหน้าไปยังกรุงวิลนีอุส ขณะกำลังบินออกจากน่านฟ้าเบลารุส Aleksandr Lukashenko ผู้นำเผด็จการของเบลารุสส่งเครื่องบินขับไล่ MiG-29 เพื่อบังคับให้ลงจอดฉุกเฉินที่กรุงมินสก์ เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ข่าวกรองชาวเบลารุสสองคนอยู่บนเครื่องบินและแจ้งลูกเรือว่ามีระเบิดอยู่บนเครื่องบิน

          หลายชั่วโมงระหว่างนั้นมีการตรวจค้นผู้โดยสารและกระเป๋าเดินทางทั้งหมด Protasevich เชื่อมั่นว่าตนจะได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเดินทางระหว่างสนามบินของสหภาพยุโรป Protasevich แจ้งผู้โดยสารหลายคนว่า ชีวิตของตนอาจตกอยู่ตกอยู่ในอันตราย การเผยแพร่วิดีโอคำสารภาพของเขาเมื่อเช้า 26 พฤษภาคม 2021 เป็นเครื่องยืนยันว่าเขาถูกบังคับให้พูดภายใต้การควบคุมของทางการเบลารุส[2]

 การจี้บังคับเครื่องบินอย่างโจ่งแจ้งและการควบคุมตัว Protasevich และ Sapega แสดงให้เห็นว่า Lukashenko ผู้นำเผด็จการและผู้สนับสนุนเช่น ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย กระทำการแบบลอยนวลพ้นผิด (impunity) โดยไม่เกรงกลัวผลของการกระทำเยี่ยงอันธพาลและผิดกฎหมายในประเทศยุโรป

          การสร้างเงื่อนไขเท็จบังคับสายการบินให้ลงจอดเพื่อควบคุมนักข่าวและผู้เห็นต่างทางการเมือง ถือเป็นการ “จี้บังคับอากาศยาน (hijacking)” แต่การตอบสนองของสหภาพยุโรปเป็นไปอย่างเฉยชา มีเพียงเบลเยียม สหรัฐฯและอังกฤษที่พยายามยับยั้งพฤติกรรมผิดกฎหมาย อังกฤษมีบทบาทนำในการห้ามบินเหนือน่านฟ้าเบลารุส ซึ่งอยู่ภายใต้การคว่ำบาตร โดยเป็นผลสืบเนื่องจากการกระทำของ Lukashenko ในการเลือกตั้งเมื่อสิงหาคมปี 2020

ปัจจุบันเที่ยวบินพาณิชย์จำนวนมากหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านน่านฟ้าเบลารุส สหภาพยุโรปห้าม Belavia สายการบินแห่งชาติเบลารุสเข้าถึงสนามบินของสหภาพยุโรป ทั้งหมดนี้คือความจำเป็นแต่ยังไม่พอ หลายฝ่ายกังวลว่าการโดดเดี่ยวเบลารุสจะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเบลารุสกับรัสเซียแน่นแฟ้นมากขึ้น ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อนักเคลื่อนไหวทางการเมืองและผู้เห็นต่างซึ่งจะไม่สามารถบินออกนอกประเทศ ส่วนการเดินทางข้ามแดนทางบกก็มีข้อจำกัดจากมาตรการป้องกันโควิด-19

          Lukashenko ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องการจี้บังคับเครื่องบิน Ryanair ลงจอด แม้การสร้างเรื่องของเจ้าหน้าที่เบลารุสว่า “กลุ่มติดอาวุธฮามาสของปาเลสไตน์วางระเบิดบนเครื่องบิน” จะถูกเยาะเย้ยอย่างกว้างขวาง แต่การกระทำโดยเจตนาและไร้ยางอายก็เป็นประเด็น – จุดมุ่งหมายคือ ส่งข้อความที่ชัดเจนถึงใครก็ตามที่กล้าท้าทายการปกครองแบบเผด็จการและเรียกร้องความจงรักภักดีอย่างสมบูรณ์ต่อรัฐ

          ระหว่างการเดินทาง Protasevich ส่งข้อความถึงผู้ที่ไว้ใจได้ว่า เขาถูกติดตามจากสนามบินเอเธนส์หลังจากบุคคลที่พูดภาษารัสเซียขอดูเอกสารการเดินทาง ผู้สื่อข่าวอาจเป็นกลุ่มบุคคลที่ Lukashenko ต้องการตัวมากที่สุด เพราะคนเหล่านี้ถ่ายทอดเรื่องราวการประท้วงในช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงปี 2020 ผ่านแพลตฟอร์มข่าว Nexta ของแอพ Telegram การจับกุมฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองทำให้ Lukashenko “ชนะ” การเลือกตั้งทุจริตอย่างโจ่งแจ้ง ส่วน Protasevich ใช้สื่อสังคมฝ่าข้อจำกัดโดยใช้อินเทอร์เน็ตเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารไปยังผู้คนนับล้าน

นักข่าวและผู้เห็นต่างทางการเมืองทั่วโลกตกเป็นเป้าหมายของอำนาจรัฐเผด็จการ กรณีฆาตกรรม Jamal Khashoggi นักข่าวชาวซาอุดีอาระเบียเป็นตัวอย่างเด่นชัดที่สุด แนวโน้มการข่มขู่ ล่วงละเมิด สังหารนักข่าวและฝ่ายตรงข้าม (ผู้เห็นต่าง) ทางการเมืองคงจะดำเนินต่อไป เมื่อผู้นำเผด็จการขยายอำนาจออกนอกเขตแดน เพื่อปิดปากผู้เห็นต่าง

องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) หน่วยงานพิเศษของสหประชาชาติ เรียกประชุม ฉุกเฉินเมื่อ 23 พฤษภาคม 2021 โดยผู้แทนสมาชิก 36 ประเทศรวมทั้งฝรั่งเศสและอังกฤษระบุว่า กรณีดังกล่าวเป็นความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของผู้โดยสารและลูกเรือ ขณะที่รัสเซีย (ซึ่งมีจีนและแอฟริกาใต้ร่วมสนับสนุน) เห็นว่าควรพิจารณาตามภาคผนวก 17 ของอนุสัญญาชิคาโกว่าด้วยการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (Chicago Convention on International Civil Aviation 1944)

การตอบสนองของประชาคมระหว่างประเทศโดยรวมมีความสำคัญต่อการยับยั้งพฤติกรรมที่คล้ายคลึงกันของเบลารุสหรือรัฐอันธพาลอื่น ๆ ในอนาคต


[1]  A TEPID INTERNATIONAL RESPONSE TO AIR PIRACY WILL EMBOLDEN ROGUE STATES INTELBRIEF Wednesday, May 26, 2021 Available at: https://mailchi.mp/thesoufancenter/a-tepid-international-response-to-air-piracy-will-embolden-rogue-states?e=c4a0dc064a

[2] Roman Protasevich: Belarus journalist's confession was forced - family says BBC Available at: https://www.bbc.com/news/world-europe-57353413

Author Image

About Kim
Kim is a retired civil servant, specializing in intelligence analysis. He loves productivity hacks, minimalist workflows and CSI series.

No comments

Powered by Blogger.