Metaverse หมายถึงอะไร?

 

ที่มาภาพ:https://sites.google.com/site/thecomputercscit8/home/virtual-reality-headset

ปัจจุบันความสนใจเกี่ยวกับ “โลกเสมือนจริงที่สามารถใช้ร่วมกัน” ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้ง Facebook กล่าวว่า การสร้างโลกเสมือนที่มีอยู่จริงหรือ “Metaverse[1] ทำให้แนวความคิดที่เขาเคยสนใจเป็นจริงบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ (social networking) ขณะที่ Microsoft ก็ประกาศว่ากำลังดำเนินการสร้าง “องค์กร Metaverse” แล้วมันหมายความว่าอย่างไร?[2]

          แนวความคิดเกี่ยวกับ Metaverses มีมานานแล้วในจักรวาลดิจิทัลหรือโลกเสมือนจริงที่เราสามารถสวมบทบาทอะไรก็ได้ที่ต้องการหรือทำงานร่วมกัน Metaverses ถูกพูดถึงเป็นครั้งแรกในนิยายวิทยาศาสตร์เรื่อง Snow Crash ของ Neal Stephenson (ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1992) หมายถึงสถานที่หลบหนีเผด็จการอันน่าเบื่อของผู้คนในโลกแห่งความเป็นจริงหรือในภาพยนต์เรื่อง The Metrix ที่มนุษย์ตกเป็นทาสหุ่นยนต์ซึ่งใช้ร่างกายมนุษย์ผลิตกระแสไฟฟ้า

เห็นได้ว่าแนวคิดดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่เรามีอินเทอร์เน็ต สื่อสังคม (social media) และความเป็นจริงเสมือน (Virtual Reality-VR)[3] ในช่วงต้นมีความพยายามสร้างสภาพแวดล้อมดิจิทัลที่ใช้ร่วมกัน เช่น Second Life

          Zuckerberg อธิบายแนวความคิดเกี่ยวกับ Metaverse ว่า “เป็นการเข้าไปอยู่ในอินเทอร์เน็ตแทนที่จะมองดูเท่านั้น” คำอธิบายของเขาให้เค้าเงื่อนบางอย่างในการเข้าถึงจุดหมาย กล่าวคือ สาเหตุที่เราพูดถึง Metaverses อย่างจริงจังในตอนนี้ก็เพราะแนวโน้มของเทคโนโลยีสำคัญหลายอย่างได้เจริญเติบโตเต็มที่ หนึ่งในจำนวนนี้คือ ความเป็นจริงเสมือน

Facebook ลงทุนใน VR อย่างหนัก นับตั้งแต่เข้าซื้อกิจการ Oculus ผู้ผลิตอุปกรณ์แสดงภาพเหมือนจริงในรูปแบบของ Headset ในปี 2014 โดยไม่ได้ปิดบังข้อเท็จจริงที่ว่า อนาคตของ VR จะไม่ถูกจำกัดอยู่แค่ในเกม “สวนที่มีกำแพงล้อมรอบ” และสภาพแวดล้อมทางการศึกษาที่พบเห็นได้ในขณะนี้ เป้าหมายสูงสุดคือการเชื่อมต่อความสามารถของ VR ในการสร้างสภาพแวดล้อมเสมือนจริงด้วยพลังของสื่อสังคมเพื่อสร้างพื้นที่ออนไลน์ที่ใช้ร่วมกัน

ขณะนี้มีแอพ VR จำนวนมากที่ทำให้เราเข้าสังคมกับเพื่อนได้ แต่ภายใน Metaverse มีความแตกต่าง คือ ผู้ใช้ไม่ถูกจำกัดการทำงานตามคุณสมบัติของแอพเช่น การสนทนา (chat) หรือเล่นเกมด้วยกัน ผู้เล่นสามารถทำทุกอย่างตามที่ต้องการ กุญแจสำคัญคือการสร้างโลกเสมือนที่จำลองสภาพแวดล้อมและความเป็นจริงให้ได้มากที่สุด เหมือนโลกที่สร้างขึ้นในภาพยนตร์แนวผจญภัยวิทยาศาสตร์เรื่อง Ready Player One

ตัวอย่างเช่น การเดินเข้าไปในสนามเทนนิส VR และหยิบแร็กเก็ต เป็นไปได้ที่คนสองคนจะเล่นเกมเทนนิสตามที่เห็นในวิดีโอเกม VR จำนวนหนึ่งในปัจจุบัน จะเกิดอะไรขึ้นถ้าไม่ต้องการเล่นเทนนิส พวกเขาอาจตัดสินใจเล่นสนุกด้วยการวิ่งไล่กันในสนามโดยใช้แร็กเก็ตตบตี “อวาตาร” ของกันและกันหรือขุดสนามเทนนิสแล้วสร้างสนามบาสเกตบอลแทนหรือออกจากสนามไปดูคอนเสิร์ตหรือทำงานในสำนักงาน VR คุณลักษณะสำคัญของ Metaverse ควรตอบสนองความพึงพอใจของผู้ใช้ในขณะนั้น แทนที่จะสร้างแอพแบบ ซิมเทนนิส VR หรือสภาพแวดล้อมการทำงานร่วมกันแบบ Slack หรือ Teams

Metaverses ไม่จำเป็นต้องจำกัดอยู่ในแพลตฟอร์มเดียว ตราบใดที่มีการแบ่งปันและสร้างประสบการณ์ต่อเนื่อง ชีวิตบน Metaverse อาจนำพาคุณจากความดื่มด่ำ สภาพแวดล้อม VR และสามมิติที่แสดงผลบนจอแบนแบบดั้งเดิมไปจนถึงแอพสองมิติบนโทรศัพท์มือถือขึ้นอยู่กับกับว่าคุณต้องการอะไร องค์ประกอบสำคัญคือความต่อเนื่องระหว่างกิจกรรมและสภาพแวดล้อมในแง่ประสบการณ์ของผู้ใช้งาน (User Experience) และ “อวาตาร” ที่คุณควบคุม

ดูเหมือนว่าทุกคนจะเห็นด้วยว่าอวาตารเป็นส่วนสำคัญของประสบการณ์ Metaverse เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ Zuckerberg การ “อยู่ใน” สิ่งแวดล้อมจะต้องมีรูปแบบอวาตารดิจิทัลของคุณเพื่อให้ผู้อื่นโต้ตอบด้วยบน Facebook หรือโครงสร้างพื้นฐาน (platform) ของสื่อสังคมอื่น ๆ รูปโปรไฟล์ของคุณทำหน้าที่เป็นอวาตารของคุณใน Metaverse อาจเป็นภาพสามมิติของคุณในสภาพแวดล้อมเกมหรือแฟนตาซี

Metaverse อาจเป็นอะไรก็ได้ที่คุณสามารถจินตนาการได้ แต่หลักการที่สำคัญคือ “อวาตาร” – หรือองค์ประกอบบางอย่าง – สามารถเคลื่อนที่ข้ามและระหว่างส่วนต่าง ๆ ของ Metaverse และจดจำได้ว่าเป็น “คุณ” ไม่ว่าจะทำอะไรหรืออยู่ในแพลตฟอร์มใดที่ใช้งาน

ไม่ใช่แค่การปรับปรุงเทคโนโลยีให้ดีขึ้น แนวคิด Metaverse กำลังเข้าใกล้ความเป็นจริงมากขึ้น นับตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผู้คนจำนวนมากใช้ชีวิตออนไลน์ เราเคยชินกับการทำงาน    ช็อปปิ้งและสังคมออนไลน์มากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาแนวคิดที่จะนำกิจกรรมดังกล่าวมารวมกันในสภาพแวดล้อมดิจิทัลอย่างราบรื่นเพียงแห่งเดียวกลับไม่คืบหน้าแบบก้าวกระโดดเท่าที่ควร

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้นำมาซึ่งความท้าทายทางสังคมเช่นกัน การเปลี่ยนไปใช้ชีวิตออนไลน์ก่อให้เกิดกิจกรรมจำนวนมากที่อาจสร้างความเสียหายหรือส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างปฏิเสธไม่ได้ ตั้งแต่การขโมยข้อมูลประจำตัวและการฉ้อโกงไปจนถึงการหลอกลวงและการละเมิด

นอกจากนี้ยังมีอันตรายจากความไม่เท่าเทียมกันในชีวิตจริงเช่น ความเหลื่อมล้ำของความมั่งคั่งจะถูกจำลองเข้าไปใน Metaverse การสร้างสภาพแวดล้อมสามมิติที่สมจริงต้องใช้พลังการประมวลผลของคอมพิวเตอร์จำนวนมาก บรรดาผู้ที่มีงบน้อยในการใช้จ่ายกับชุดหูฟังและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อาจได้ประสบการณ์ที่ดีกว่า ซึ่งจะลงเอยด้วยผลเสียต่อสังคม เช่น บริษัทต่าง ๆ ตัดสินใจจ้างงานโดยพิจารณาจากการปรากฏตัวของบุคคลใน Metaverse ซึ่งกลายเป็นช่องทางในการส่งมอบการศึกษา การฝึกอบรมหรือแม้แต่โอกาสในการออกเดท

บริษัทที่พูดถึงการสร้าง Metaverses อย่างจริงจังต่างกำหนดเป้าหมายความทะเยอทะยานในอนาคต ขณะนี้ Metaverse เป็นเพียงตัวแบบความคิดที่มีอยู่ในสภาพแวดล้อมออนไลน์ เช่น สื่อสังคมหรือสภาพแวดล้อมสำนักงาน เช่น Nvidia's Omniverse ที่ความดื่มด่ำรวมเข้ากับชีวิตประจำวันของเราได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น

การรวม VR เข้ากับเครือข่ายสังคมน่าจะเป็นก้าวแรก เมื่อเร็ว ๆ นี้ Facebook ประกาศแผนการสร้าง Metaverse ซึ่งคาดว่าจะเป็นจริงได้ภายในระยะเวลา  ปี อย่างไรก็ดี ยังมีปัญหาจำนวนมากที่ต้องแก้ไขก่อนที่เราจะพร้อมย้ายชีวิตมาออนไลน์ แม้เราจะเคยชินกับการช็อปปิ้ง ความบันเทิง การเข้าสังคมและการทำงานในสภาพแวดล้อมดิจิทัล แต่เรายังไปไม่ถึงสภาพการทำงานด้วยการรวมทุกอย่างเข้าด้วยกันทั้งหมด

ขณะนี้เป็นโอกาสที่จะได้รับรสชาติประสบการณ์บางส่วนของ Metaverse โดยเกม Epic ได้ทดลองขยายขอบเขตของเกม Fortnite ให้ครอบคลุมกิจกรรมทางสังคมและการแสดงคอนเสิร์ตของ Ariana Grande บน Metaverse ซึ่งผู้เล่นเกมสามารถทำอะไรได้มากกว่าบินไปรอบ ๆ ต้นขาภาพเสมือนขนาดใหญของนักร้องเพลงป๊อป[4]

บางคนคิดง่าย ๆ ว่า Metaverse คือ อินเตอร์เน็ต “ในยุคหน้า” – ทุกสิ่งอย่างที่ “ออนไลน์” จะดูเหมือนหน้าจอ 2D จำนวนมากซึ่งถูกแทนที่ด้วยชุดหูฟังหรือแม้แต่เลนส์ฉายภาพโดยตรงไปยังเรตินาของเรา

อันที่จริงยังเรื่องนี้ยังเอาอะไรแน่นอนไม่ได้ ไม่มีใครรู้ว่าสถาปัตยกรรมและกฎเกณฑ์ Metaverse  จะเป็นอย่างไรเมื่อเชื่อมต่อและดื่มด่ำกับสภาพแวดล้อมที่กลายเป็นบ้านออนไลน์ เมื่อผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดของโลกพยายามขายสินค้าเทคโนโลยีให้เราก็คาดหวังว่าจะมีความตื่นเต้นมากขึ้นเป็นธรรมดา


[1] การทำงานร่วมกันระหว่าง VR (Virtual Reality) กับ AR (Augmented Reality) ให้กลายเป็นโลกใบเดียวกัน โดยมีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเป็นตัวเชื่อมกลาง ทำให้โลก Online และ Offline สมานรวมกันจนกลายเป็นเรื้อเดียวกัน เข้าถึงได้ที่: https://www.marketingoops.com/data/the-future-100-2021-new-vocabularies/

[2] What Is The Metaverse? An Easy Explanation For Anyone Bernard Marr 3 September 2021 Available at: https://bernardmarr.com/what-is-the-metaverse-an-easy-explanation-for-anyone/

[3] เป็นการจำลองสภาพแวดล้อมจริงเข้าไปให้เสมือนจริง โดยผ่านการรับรู้จากการมองเห็น เสียง สัมผัส แม้กระทั้งกลิ่น โดยจะตัดขาดเราออกจากสภาพแวดล้อมปัจจุบันเพื่อเข้าไปสู่ภาพที่จำลองขึ้นมาตัวอย่างเช่น การจำลองสถานที่ Google Street View , การแข่งขันบังคับเครื่องบิน Drone Racing เป็นต้น ดู https://www.ops.go.th/main/index.php/knowledge-base/article-pr/675-interface-technology-vr-ar-mr

[4] Fortnite’s Ariana Grande concert offers a taste of music in the metaverse By Taylor Hatmaker@tayhatmaker / August 10, 2021 Available at: https://techcrunch.com/2021/08/09/fortnite-ariana-grande-concert-metaverse/

Author Image

About Kim
Kim is a retired civil servant, specializing in intelligence analysis. He loves productivity hacks, minimalist workflows and CSI series.

No comments

Powered by Blogger.