การหาข่าวทางลับ (tradecraft) กับความท้าทายของเทคโนโลยีปรากฏใหม่

 

วามจำเป็นในการหาข่าวกรองทางบุคคล (HUMINT)[1] ไม่เคยลดลง ขณะที่ความเสี่ยงจากเทคโนโลยีตรวจตรา (surveillance technology) ก็แพร่ขยายมากขึ้นในยุคที่กล้องและเทคโนโลยีชีวมิติ (Biometric Technology)[2] มีใช้อย่างแพร่หลายและถือเป็นความท้าทายของหน่วยข่าวกรอง ผู้ปฏิบัติงานลับและแหล่งข่าวประเภทต่าง ๆ ตั้งแต่การใช้ชื่อปลอมเดินทางผ่านสนามบินซึ่งตรวจตราข้อมูลไบโอเมตริกรวมถึงการตามรอยทางโทรศัพท์ส่งผลให้เหลือพื้นที่ที่ถือว่า “ปลอดภัย” เพียงไม่กี่แห่ง ทั้งนี้ เป็นเรื่องยากที่จะ “ตรวจสอบ (detect)” การตรวจตราในสภาพแวดล้อมที่มีการเฝ้าระวังตลอดเวลา ซึ่งไม่จำเป็นต้องติดตาม (บุคคล) ทางกายภาพ[3]

          กฎพื้นฐานของการรวบรวมข่าวกรองทางบุคคลคือ เจ้าหน้าที่ข่าวกรองต้องรู้ “สถานะ” ของตัวเองอยู่เสมอ ว่ากำลังตกอยู่ภายใต้การตรวจตรา (surveillance) หรือไม่ ข่าวสารที่ได้รับจากความสัมพันธ์ที่ตกอยู่ภายใต้การตรวจตรามีความน่าสงสัยในตัวเองและประสิทธิภาพจะลดลงตามลำดับหากไม่ถูกตรวจพบ เพื่อบรรลุเป้าหมายนั้น การตรวจจับการตรวจตราจึงเป็นรากฐานสำคัญของงานข่าวกรอง

ความสำเร็จในการรวบรวมข่าวกรองทางลับในยุคของการเฝ้าตรวจเป็นความท้าทายหลักสำหรับหน่วยงานข่าวกรอง พื้นฐานของการพบปะสายลับซึ่งรู้จักกันดีจากภาพยนตร์ฮอลลีวูดคือ เจ้าหน้าที่ข่าวกรองเป็นผู้กำหนดว่าตัวเองจะปลอดจากการถูกตรวจตราด้วยเส้นทางและสถานที่ที่วางแผนและคัดเลือกมาอย่างดีหรือไม่ กลยุทธ์แบบนี้ จะถูกเปิดเผยโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยข่าวกรองในประเทศเจ้าบ้าน หรือหน่วยข่าวกรองของฝ่ายตรงข้ามในประเทศที่สามรวมทั้งผู้ก่อการร้ายและองค์กรอาชญากรรมซึ่งกำลังติดตามเจ้าหน้าที่

การปฏิบัติงานลับมีความเสี่ยงที่ไม่มีวันสิ้นสุด แต่สามารถจัดการได้ ปัญหานี้ทวีความสำคัญมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาคือ คุณจะตรวจสอบได้อย่างไรว่ากำลัง “ถูกติดตาม” แม้ไม่มีใครติดตามคุณจริง ๆ แต่คุณก็ยังอยู่ภายใต้การตรวจตรา (under surveillance)

          ระบบกำหนดตำแหน่งบนพื้นโลก (GPS) ที่ติดตั้งในยานพาหนะไม่ใช่เรื่องใหม่และเป็นสิ่งที่หน่วยงานข่าวกรองได้จัดการมาระยะหนึ่งแล้ว สิ่งที่ค่อนข้างใหม่คือ รถยนต์สมัยใหม่ที่มีระบบปฏิบัติการในตัวทำให้บริษัทและรัฐบาลสามารถเข้าถึงพิกัดสถานที่รวมถึงฟังก์ชันของรถแบบทันที (real time ยานพาหนะทุกคัน “เชื่อมต่อกัน” มากขึ้น และเป็นปัญหาสำหรับเจ้าหน้าที่ที่จำเป็นต้องปรากฏตัวโดยไม่มีใครสังเกตเห็น

ความจริงก็คือเมื่ออยู่ใน “ความมืด” เราจะสังเกตเห็นตัวเอง นอกเหนือจากเครื่องอ่านป้ายทะเบียนและกล้องส่องทางไกลหรือแม้แต่กล้องวงจรปิดที่ใช้ในเชิงธุรกิจจะบันทึกทุกอย่างที่ผ่านหน้า แม้ว่าระบบเหล่านี้จะไม่ได้รับการตรวจสอบแบบเรียลไทม์ แต่ก็ยังสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีประสิทธิภาพในการคลี่คลายการดำเนินการและค้นหา “ตัวแสดง” และกิจกรรมการเคลื่อนไหวของพวกเขา

สภาพแวดล้อมที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าของการพบปะหรือปฏิบัติการแบบเห็นหน้ากัน (face-to-face) คือ ผู้ให้ข่าว (informant) หรือ “ผู้สังเกตการณ์” ที่ปฏิบัติงานอยู่ตามมุมถนน ปัจจุบันถูกเสริมด้วยกล้องวงจรปิดในเมือง นอกจากนั้นยังมีกล้องในโทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่แพร่หลาย ด้วยเหตุนี้ เจ้าหน้าที่ข่าวกรองจึงต้องทำตัวราวกับว่าพวกเขาอยู่ภายใต้การตรวจตราอยู่เสมอเมื่ออยู่ในที่สาธารณะหรือเคลื่อนที่ผ่านพื้นที่สาธารณะ

สถานที่พบปะสายลับที่ “ปลอดภัยที่สุด” (หมายถึงสภาวะที่ปราศจากการเฝ้าระวัง) จะไม่มีประโยชน์เลยหากเส้นทางไปยังตำแหน่งนั้น ถูกบันทึกภาพโดยระบบเฝ้าตรวจตราทุกรูปแบบ อนึ่ง ความท้าทายเหล่านี้ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19

          เทคโนโลยีปรากฎใหม่ช่วยลดการใช้กำลังคนในการร่วมตรวจตรา โทรศัพท์สมาร์ทโฟนสามารถติดตามการเคลื่อนไหว สถานที่และปฏิกริยาที่เกิดขึ้นทุกขั้นตอนหรือแม้ในขณะที่ไม่มีโทรศัพท์หรือ “ภาวะดำมืด” (เช่น การปิดโทรศัพท์หรือไม่ได้พกพาโทรศัพท์) ก็เป็นเครื่องบ่งชี้ (ของฝ่ายตรงข้าม) ว่ามีบางอย่างผิดพลาด ดังนั้น เจ้าหน้าที่ข่าวกรองจะต้องปฏิบัติตามรูปแบบที่สร้างขึ้นตลอดเวลา

 แอพออกกำลังกายรู้ว่าคุณอยู่ที่ไหนและมักจะเผยแพร่ข้อมูลนั้น นาฬิกาอัจฉริยะมิได้มีความฉลาดในงานข่าวกรอง บัญชีอีเมลและสื่อสังคมรู้ว่าคุณอยู่ที่ไหนและมักจะเผยแพร่ข้อมูล ทุกฟังก์ชั่นหรือแอพบนโทรศัพท์สมาร์ทโฟนทำหน้าที่เป็นสายลับคอยสอดส่องคุณอยู่เสมอ เจ้าหน้าที่ข่าวกรองต้องทำงานใน “โหมดเครื่องบิน” ในช่วงเวลาวิกฤติ เนื่องจากทุกสิ่งรอบตัวและเทคโนโลยีส่วนบุคคลต้องการทราบตัวตนของคุณ กำลังจะไปไหนและกำลังจะทำอะไร

          การปฏิบัติการภายใต้การรักษาความปลอดภัยในยุคเทคโนโลยีครอบจักรวาล พร้อมความสามารถในการติดตามเป็นความท้าทายหลักของหน่วยงานข่าวกรอง การรรวบรวมข่าวกรองทางบุคคลยังมีคุณค่าและความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการส่งผ่านและการจัดเก็บข้อมูลรูปแบบอื่น ๆ จำนวนมากถูกบุกรุกบ่อยครั้งและก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง

การกล่าวอ้างกันมากขึ้นว่า ข่าวกรองทางบุคคลไม่ตรงประเด็นหรือล้าสมัยในยุคของข่าวกรองทางสัญญาณ (SIGINT) และคำประกาศเหล่านี้เป็นคำกล่าวที่ผิดพลาด ความลับบางอย่างจะถูกแบ่งปันแบบเห็นหน้ากันเท่านั้น การทำให้แน่ใจว่าการพบปะสายลับไม่ถูกตรวจพบนั้นยากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ความสำคัญไม่เคยลดลง



[1] การข่าวกรองทางบุคคลเป็นข่าวกรองที่มีคุณค่าและความน่าเชื่อถือมากที่สุด โดยใช้วิธีการหาข่าวจากการสัมผัสในพื้นที่และอุปกรณ์จริง เช่น การสัมภาษณ์ผู้ปฏิบัติโดยตรง การเข้าไปทดลองการใช้งานอุปกรณ์ที่มาจากกลุ่มประเทศที่มีแนวโน้มเกิดความ ขัดแย้งกับประเทศเรา กลุ่มบุคคลที่ใช้ในการหาข่าว เช่น นักการทูต นักวิทยาศาสตร์ วิศวกรและพนักงานในบริษัทข้ามชาติต่าง ๆ ตลอดจนสายลับที่ได้รับการฝึกฝนโดยเฉพาะ เข้าถึงได้ที่ https://space-dist.mod.go.th/PDF/สาระทวไป/การขาวกรอง-(Intelligence).aspx

[2] การยืนยันตัวบุคคลโดยใช้ลักษณะทางชีวภาพ (และรวมถึงกายภาพ) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงที่ทำให้การยืนยันตัวบุคคลมีความแม่นยำและทำให้การรักษาความปลอดภัยมีความปลอดภัยสูงตามไปด้วย ตัวอย่างสิ่งที่สามารถนำมาใช้ในการยืนยันด้วยเทคโนโลยีชีวมิติ เช่น ลายนิ้วมือ ฝ่ามือ เสียง ใบหน้า ม่านตา เป็นต้น

[3] TRADITIONAL ESPIONAGE CHALLENGED BY UBIQUITY OF EMERGING TECHNOLOGIES INTELBRIEF Monday, December 6, 2021 Available at: https://mailchi.mp/thesoufancenter/traditional-espionage-challenged-by-ubiquity-of-emerging-technologies?e=c4a0dc064a


Author Image

About Kim
Kim is a retired civil servant, specializing in intelligence analysis. He loves productivity hacks, minimalist workflows and CSI series.

No comments

Powered by Blogger.