ปูตินเรียนรู้อะไรจากการต่อสู้ของสหรัฐฯในอิรักและอัฟกานิสถาน

 

Images of Ukrainian troops carrying Javelin missile launchers on their shoulders have flashed around the world, making the anti-tank weapon a symbol of Ukrainian resistance to Russia's invasion ที่มาภาพ: http://u.afp.com/wWrr

เมื่อเกิดสุญกาศทางอำนาจ ประธานาธิบดีปูตินพร้อมกระโจนเข้าใส่โดยพยายามหลีกเลี่ยงการจมปลักอยู่กับความขัดแย้งที่มีค่าใช้จ่ายสูง แต่ 5 สัปดาห์หลังการรุกรานยูเครน กองทัพรัสเซียทำผลงานได้ไม่ดีนัก นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่า สถานการณ์อาจเปลี่ยนจากความขัดแย้งตามแบบ (conventional conflict) ไปสู่การก่อความไม่สงบ (insurgency) ในอนาคตอันใกล้

นับเป็นเวลาสองทศวรรษที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียเฝ้าดูการต่อสู้ของกองทัพสหรัฐฯกับกลุ่มกบฏในอิรักและอัฟกานิสถาน จนภึงขณะนี้กองทหารรัสเซียกำลังจมปลักอยู่ในยูเครนแบบเดียวกับที่สหรัฐฯเคยประสบในตะวันออกกลางและเอเชียใต้ แต่กองทัพยูเครนมีขีดความสามารถสูงกว่าผู้ก่อความไม่สงบในอิรักหรืออัฟกานิสถาน ทั้งนี้ สหรัฐฯและพันธมิตร NATO จัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมมากให้แก่ยูเครนรวมทั้งโดรนและจรวดต่อต้านรถถัง ความสูญเสียของกองทัพรัสเซียในยูเครนช่วง สัปดาห์แรกมากกว่าที่สหรัฐฯเคยประสบในอัฟกานิสถานในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา[1]

          กองทัพสหรัฐฯจมปลักอยู่กับการต่อสู้กับกองโจรและกองกำลังนอกแบบในอิรักและอัฟกานิสถาน รวมทั้งผู้ก่อการร้ายและผู้ก่อความไม่สงบ ทหารสหรัฐฯถูกสังหารและบาดเจ็บจากการซุ่มโจมตี ระเบิดริมถนน (roadside bombs) และการโจมตีแบบฆ่าตัวตาย

การต่อต้านการก่อความไม่สงบพร้อมกันทั้งสองสมรภูมิ ได้จำกัดขีดความสามารถของสหรัฐฯอย่างรุนแรง และทำให้ไม่พร้อมรับมือการผงาดขึ้นของคู่แข่งที่เห็นได้ชัด คือ จีน ขณะที่ประธานาธิบดีปูตินก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักยุทธศาสตร์ระดับปรมาจารย์ แม้กระทั่งตอนเปิดฉากการรุกรานจอร์เจียและไครเมียหรือการส่งกำลังทหารไปยังซีเรียเพื่อปกป้องระบอบการปกครองของบาชาร์ อัล-อัสซาด พันธมิตรที่คบหากันมาอย่างยาวนาน

รัสเซียปฏิบัติการทิ้งระเบิดทางอากาศใส่ซีเรียอย่างไร้ความปราณี โดยร่วมกับฮิซบุลเลาะห์ ผู้ฝึกอบรมทางทหารและที่ปรึกษาชาวอิหร่านรวมทั้งกองกำลังทหาร (ฝ่ายรัฐบาล) ซีเรีย กลยุทธสะท้านโลกถูกนำไปใช้ที่ยูเครนโดยจงใจมุ่งเป้าไปที่พลเรือนและทำลายโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญอย่างป่าเถื่อน

          ทุกครั้งที่สหรัฐฯเดินเกมผิดพลาด รัสเซียจะเข้าแสวงประโยชน์และฉวยโอกาสขยายอิทธิพลในต่างประเทศ รัสเซียภายใต้การนำของประธานาธิบดีปูตินพยายามขยายอิทธิพลเข้าถึงละตินอเมริกา โดยร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ผู้แข็งแกร่งของเวเนซุเอลา รัสเซียสนับสนุนคาลิฟา ฮาฟตาร์ ขุนศึกในลิเบียและส่งทหารรับจ้างจากกลุ่มวากเนอร์ (Wagner Group)[2] ไปร่วมรบเคียงข้างกองทหารติดอาวุธลิเบีย

เมื่อเกิดสุญกาศทางอำนาจ ประธานาธิบดีปูตินพร้อมกระโจนเข้าใส่โดยพยายามหลีกเลี่ยงการจมปลักอยู่กับความขัดแย้งที่มีค่าใช้จ่ายสูง แต่ สัปดาห์หลังการรุกรานยูเครน กองทัพรัสเซียทำผลงานได้ไม่ดีนัก นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่า สถานการณ์อาจเปลี่ยนจากความขัดแย้งตามแบบ (conventional conflict) ไปสู่การก่อความไม่สงบ (insurgency) ในอนาคตอันใกล้ รัสเซียจะประสบกับสิ่งที่สหรัฐฯเคยเผชิญในตะวันออกกลางและเอเชียใต้ในไม่ช้า แต่สถานการณ์ในยูเครนมีความผันผวนมากกว่า

          กองทัพยูเครนมีขีดความสามารถมากกว่าผู้ก่อความไม่สงบในอิรักหรืออัฟกานิสถาน ขณะนี้ประเทศสมาชิก NATO กำลังจัดส่งอาวุธทันสมัยจำนวนมหาศาลให้แก่ยูเครนรวมทั้งจรวดต่อสู้รถถัง FGM-148 Javelin ขีปนาวุธเหล็กใน (Stinger missiles) และโดรน Switchblade ประเภท Loitering Munition หรือโดรนติดระเบิดที่มีชื่อเล่นว่า Kamikaze Drone

สหรัฐฯ (โดยกองกำลังกึ่งทหารของ CIA) และพันธมิตร NATO ได้ให้การสนับสนุนอย่างลับ ๆ แก่ยูเครน[3]และขณะนี้มีผู้ฝึกทางทหารและที่ปรึกษาในโปแลนด์เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ต่อไป ความซับซ้อนของการสนับสนุนยูเครนทำให้มีโอกาสน้อยที่รัสเซียจะทำสงครามตามแบบหรือนอกแบบเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากข้อจำกัดด้านกำลังพล ยุทโธปกรณ์และยานพาหนะ ขณะที่ชาวยูเครนใช้กลยุทธ์ “การตายด้วยการถูกสับนับพันครั้ง (death by a thousand paper cuts)” เพื่อทำสงครามกับคู่ต่อสู้ที่มีพลังอำนาจมากกว่า

          ในช่วง 2 สัปดาห์แรกของความขัดแย้งในยูเครนกองทัพรัสเซียสูญเสียทหารมากกว่าที่สหรัฐฯเคยประสบในอัฟกานิสถานช่วง 20 ปี (ทหารสหรัฐฯเสียชีวิตประมาณ 2,448 นาย) การประมาณการบ่งชี้ว่า ขณะนี้รัสเซียสูญเสียทหาร 7,000 15,000 นายในการสู้รบในยูเครน นอกจากนี้ยังสูญเสียเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนรวมทั้งนายพลจำนวนมากที่ถูกสังหารในสนามรบ

สำหรับ NATO ความผิดพลาดของปูตินเป็นโอกาสหายากที่จะทำให้กองทัพรัสเซียอ่อนเปลี้ยและถูกจำกัดเสรีภาพการซ้อมรบในยุทธบริเวณใกล้เคียงและต่างประเทศ ทหารรับจ้าง Wagner Group กำลังถูกเรียกตัวกลับจากลิเบีย มาลีและที่อื่น ๆ เนื่องจากความท้าทายที่กองทัพรัสเซียเผชิญอยู่ จึงต่องทุ่มเททรัพยากรทั้งหมดไปที่ความขัดแย้งในยูเครน

ด้วยเหตุดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการปรากฏตัวของรัสเซียในซีเรีย โดยอาจเปิดทางให้อิหร่านขยายอิทธิพลมากขึ้น รัสเซียประสบความสำเร็จในการต่อสู้กับการก่อความไม่สงบที่เชชเนีย ดาเกสถานและพื้นที่ส่วนอื่น ๆ ของคอเคซัส

สถานการณ์ในยูเครนแตกต่างอย่างมาก เว้นแต่ประธานาธิบดีปูตินจะทบทวนการจู่โจมที่พลั้งพลาดในยูเครนอีกครั้ง มิฉะนั้นกองทัพรัสเซียจะถูกทำลายล้างจากการก่อความไม่สงบอย่างยาวนานโดยศัตรูที่มุ่งมั่นและมีขีดความสามารถสูงรวมทั้งยุทโธปกรณ์ครบครัน


[1] DID PUTIN LEARN ANYTHING FROM WATCHING THE U.S. FIGHT IN IRAQ AND AFGHANISTAN? INTELBRIEF Monday, April 4, 2022 Available at: https://mailchi.mp/thesoufancenter/did-putin-learn-anything-from-watching-the-us-fight-in-iraq-and-afghanistan?e=c4a0dc064a

[2] บริษัททหารเอกชนหรือหน่วยงานสัญญาทหารเอกชนซึ่งมีรายงานว่าผู้รับเหมามีส่วนร่วมในความขัดแย้งต่าง ๆ รวมถึงการปฏิบัติการในสงครามกลางเมืองในซีเรีย สงครามใน Donbas ยูเครน (ปี 2014 – 2015) ช่วยเหลือกองกำลังแบ่งแยกดินแดนของDonetsk และ Luhansk People's Republics ที่ประกาศตนเองเป็นเอกราช

[3] THE IMPACT OF SECURITY COOPERATION AND BUILDING PARTNER CAPACITY IN UKRAINE INTELBRIEF Friday, March 25, 2022 Available at: https://mailchi.mp/thesoufancenter/the-impact-of-security-cooperation-and-building-partner-capacity-in-ukraine?e=c4a0dc064a

Author Image

About Kim
Kim is a retired civil servant, specializing in intelligence analysis. He loves productivity hacks, minimalist workflows and CSI series.

No comments

Powered by Blogger.