นัยการครอบครองทวิตเตอร์ของอีลอน มัสก์
ที่มาภาพ: What are Elon Musk’s options in the Twitter takeover deal? https://www.theguardian.com/technology/2022/may/17/what-are-elon-musk-options-in-the-twitter-takeover-deal
การเข้าครอบครอง Twitter ของอิลอน มัสก์ โดยสัญญาว่าจะปรับปรุงกิจการขนานใหญ่ (revamp) อาจเผชิญอุปสรรคที่ยากลำบากและข้อจำกัดทางกฎหมาย อิลอน มัสก์ระบุว่า Twitter จะใช้อัลกอริธึมแบบเปิด (Open Source)[1] เพื่อ “เพิ่มความเชื่อถือ” และ “เอาชนะการส่งข้อความไม่พึงประสงค์ (spam bots)”[2] รวมทั้ง “พิสูจน์ยืนยันความถูกต้องของเจ้าของบัญชีผู้ใช้ (authenticate all human)” ซึ่งเป็นความท้าทายสำคัญ ทั้งนี้ ในบางประเทศ Twitter ถูกใช้เป็นแพลตฟอร์มในการป้ายสี โฆษณาชวนเชื่อ ก่อกวนนักข่าว NGOs และนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน[3]
เมื่อ 25 เมษายน 2022 อิลอน มัสก์ มหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดในโลกจะเข้าครอบครองกิจการ Twitter สื่อสังคมขนาดใหญ่ด้วยข้อตกลงมูลค่าประมาณ 44,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่การเข้าซื้อกิจการของ อิลอน มัสก์ถูกตรวจสอบอย่างใกล้ชิด ข้อสำคัญคือ ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายของอิลอน มัสก์ ซึ่งจะให้ “เสรีภาพในการพูด” อย่างสมบูรณ์ (absolutist) ผ่านแพลตฟอร์ม Twitter
อิลอน มัสก์ แถลงว่า “เสรีภาพในการพูดเป็นรากฐานของระบอบประชาธิปไตยและ Twitter เป็นจัตุรัสกลางเมืองดิจิทัลที่ถกเถียงกันในประเด็นสำคัญต่ออนาคตของมนุษยชาติ” บ่งชี้ถึงเปลี่ยนแปลงนโยบายการดูแลเนื้อหาของ Twitter อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงขนานใหญ (revamp) อาจเผชิญอุปสรรคข้อจำกัดทางกฎหมายและสิ่งกีดขวางอื่น ๆ มีรายงานที่เชื่อถือได้ว่า ข้อตกลงดังกล่าวอาจล้มเหลวโดยสิ้นเชิง หากมีผลกระทบเชิงลบต่อหุ้น Tesla
Twitter ภายใต้การนำของอิลอน มัสก์จะใช้อัลกอริธึมแบบเปิดเพื่อ “เพิ่มความเชื่อถือ” และ “เอาชนะการส่งข้อความไม่พึงประสงค์” รวมทั้ง “พิสูจน์ยืนยันความถูกต้องของเจ้าของบัญชี หากทำได้เขาน่าจะชนะใจสาวกทางการเมืองทุกกลุ่ม แม้รัฐและตัวแสดงที่ไม่ใช่รัฐ (non-state actors) รวมทั้งคนทั่วไปมักใช้ Twitter เผยแพร่ข้อมูลที่ผิด (misinformation) ข้อมูลบิดเบือน (dis-information) และข้อมูลที่แฝงเจตนาร้าย (malinformation) หรือ MDM
การพิสูจน์ยืนยันความถูกต้องของเจ้าของบัญชีเป็นเป้าหมายที่น่ายกย่อง แต่ผลกระทบความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้และการรับรองความถูกต้องจะช่วยเพิ่มความไว้วางใจได้จริงหรือไม่ยังคงเป็นคำถามปลายเปิด หลายคนสงสัยว่า อิลอน มัสก์ จะ “ปลดล็อก” ศักยภาพมหาศาลของ Twitter ได้อย่างไร
สมมติฐานที่เป็นไปได้คือ อิลอน มัสก์ จะยกเลิกข้อกำหนดและนโยบายสำคัญที่ Twitter กำหนดไว้เพื่อจำกัด MDM ที่ผู้ใช้งาน (มนุษย์) สร้างขึ้น หากเกิดเหตุการณ์ที่พวกหัวรุนแรงและเผด็จการใช้ Twitter ในทางที่ผิด อิลอน มัสก์ จะถูกบังคับให้จัดการข้อกังวลเหล่านี้หรือเสี่ยงต่อการสูญเสียเงินจำนวนมากรวมทั้งอาจเผชิญปัญหาทางกฎหมาย
ความพยายามของ Twitter ในการจำกัดการเผยแพร่ทฤษฎีสมคบคิดของ QAnon[4] และข้อมูลบิดเบือนจะช่วยจำกัดการแพร่กระจายข้อความของ QAnon อย่างไรก็ดี QAnon ไม่เคยหยุดการเคลื่อนไหวบนแพลตฟอร์มสื่อสังคม โอกาสที่ QAnon จะกลับมามีอิทธิพลบน Twitter ย่อมจะนำไปสู่การแพร่กระจายของข้อมูลที่ผิด/บิดเบือนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
การปล่อยให้บุคคลที่เชื่อมโยงกับ QAnon เข้าไปอยู่บนแพลตฟอร์มนอกจากเพิ่ม MDM ยังทำให้ Twitter ถูกใช้เป็นสื่อกลางในการปลุกระดมให้ผู้ใช้งานก่อความรุนแรงในโลกแห่งความเป็นจริง เป็นที่น่ากังวลว่าพวกหัวรุนแรงที่ไม่ใช่รัฐรวมถึงผู้ก่อการร้ายและพวกสุดโต่งจะกลับมาเคลื่อนไหวบน Twitter และทำให้เสรีภาพในการพูดถูกจำกัด
สหภาพยุโรปเตือนว่า Twitter จะต้องตรวจสอบป้องกันการแพร่กระจายเนื้อหาที่ผิดกฎหมายหรือเป็นอันตรายไม่เช่นนั้นอาจถูกสั่งห้าม การยกเลิกข้อห้ามบางอย่างจะทำให้มีการแสดงความเห็นเพิ่มขึ้นและแพร่วาจาสร้างความเกลียดชัง (hate speech) และข้อมูลเท็จ ปรากฎรายงานว่า อิลอน มัสก์ มีแผนยกเลิกการสั่งห้ามบัญชีผู้ใช้ Twitter ของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (ที่ละเมิดหลักจรรยาบรรณของแพลตฟอร์มและมีส่วนร่วมในการสร้างแรงบันดาลใจในการก่อจลาจลที่รัฐสภาสหรัฐฯเมื่อ 6 มกราคม 2020)
การคืนบัญชี Twitter ให้แก่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์อาจทำให้วัฒนธรรมออนไลน์ที่เป็นพิษทวีความรุนแรง โดยเฉพาtอย่างยิ่งในช่วงก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯปี 2022 และการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2024 ขณะที่สื่อมวลชนต่างมุ่งความสนใจไปที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์อย่างหมกมุ่น
การใช้งานแพลตฟอร์ม Twitter มีลักษณะแตกต่างกันในแต่ละประเทศโดยรัฐบาลอำนาจนิยม เช่น ซาอุดีอาระเบีย ใช้รณรงค์ต่อต้านฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง โฆษณาชวนเชื่อรวมทั้งคุกคามและข่มขู่นักข่าว NGOs และนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน
ความแพร่หลายและการเข้าถึงทั่วโลกขอแพลตฟอร์ม Twitter ทำให้การพลิกโฉมแพลตฟอร์มของอิลอน มัสก์ เพื่อผลักดันวาระของตัวเองและเพิ่มความมั่งคั่งส่วนบุคคล กระทบความเป็นประชาธิปไตยของข้อมูลข่าวสารและความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของมนุษย์ที่เกิดจากวาจาสร้างความเกลียดชังไปตลอดกาล
หากแนวทางของอิลอน มัสก์ ประสบความสำเร็จในการบรรเทาเงื่อนงำของทฤษฎีสมคบคิดและ MDM จะทำให้ผู้ใช้ได้รับประโยชน์มากที่สุด หากล้มเหลวและการเปลี่ยนแปลงอัลกอริธึมของ Twitter ถูกต่อต้านหรือมุ่งหวังการสร้างรายได้จากผู้ใช้มากเกินไป อาจนำไปสู่การละเมิดบน Twitter มากขึ้นโดยสร้างความรุนแรงและความขัดแย้งมากขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริง อิลอน มัสค์ จึงต้องระมัดระวังความเสี่ยงและดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อให้ผลกระทบเหลือน้อยที่สุด
[1] กลุ่ม software ที่เปิดเผย source code ของโปรแกรม ทำให้สามารถแก้ไข ดัดแปลง เผยแพร่ต่อ source code ทั้งหมด ซึ่งเป็นการให้สิทธิเสรีแก่ผู้ที่จะนำไปใช้หรือเพื่อการพัฒนาซอฟต์แวร์ร่วมกัน
[2] โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยส่งสแปม สแปมบอทมักจะสร้างบัญชีและส่งข้อความสแปม เว็บโฮสต์และผู้ให้บริการเว็บไซต์ใช้วิธีตอบโต้ด้วยการแบนนักส่งสแปม ทำให้เกิดการต่อสู้อย่างต่อเนื่อง นักส่งสแปมพบวิธีใหม่ในการหลบเลี่ยงการแบนและโปรแกรมต่อต้านสแปมและโฮสต์ก็ต่อต้านวิธีการเหล่านี้
[3] WHAT ARE THE POTENTIAL IMPLICATIONS OF ELON MUSK’S TWITTER TAKEOVER? INTELBRIEF April 28, 2022 Available at: https://mailchi.mp/thesoufancenter/what-are-the-potential-implications-of-elon-musks-twitter-takeover?e=c4a0dc064a
[4] เรียกสั้น ๆ ว่า “คิว” เป็นทฤษฎีสมคบคิดของอเมริกันขวาจัดที่ปราศจากมูลความจริง โดยเชื่อว่า ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังทำสงครามกับพวกใคร่เด็กที่บูชาซาตาน ซึ่งเป็นกลุ่มชนชั้นนำที่แฝงอยู่ในรัฐบาล ธุรกิจและสื่อต่าง ๆ ผู้ที่เชื่อใน QAnon คาดว่า การต่อสู้นี้จะนำไปสู่การจับตัวคนผิดมาลงทัณฑ์ โดยหนึ่งในบุคคลมีชื่อเสียงที่สาวก QAnon กล่าวหาว่าเป็นวายร้ายในขบวนการค้ากามเด็กก็คือนางฮิลลารี คลินตัน อดีตคู่ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯของทรัมป์ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2016
Leave a Comment