บอลลูนจีนเผยให้เห็นอะไรในสหรัฐฯ

 

ที่มาภาพ: https://www.legacyias.com/the-saga-of-a-spy-balloon-in-us-airspace/

ลังสหรัฐฯสอยบอลลูนตรวจการณ์ขนาดใหญ่ (ต้องสงสัยว่าเป็นของจีน) ร่วงลงเมื่อต้นกุมภาพันธ์ 2023 จากนั้นบอลลูนขนาดเล็กอีก 3 ลูก (ทราบภายหลังว่าไม่เกี่ยวข้องกัน) ก็ถูกยิงทำลาย เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้รัฐบาลและหน่วยข่าวกรองของประเทศที่เป็นปฏิปักษ์ ต่างจับตามองปฏิกริยาทางสังคมและการเมืองภายในสหรัฐฯอย่างใกล้ชิด

การให้ความสนใจของสื่อมวลชนประกอบกับการเอาชนะคะคานของนักการเมืองบางคนในรัฐสภา ทำให้เหตุการณ์ใดก็ตามที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯอาจกลายเป็นประเด็นแตกแยกภายใน การโต้เถียงและความแตกแยกอย่างรุนแรงเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการตอบสนองภัยคุกคามที่ใกล้เข้ามา เช่น ภัยพิบัติทางธรรมชาติหรือความขัดแย้งทางการทหาร ซึ่งอาจทำให้ศัตรูของสหรัฐฯมีความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์[1]

          เมื่อ พฤษภาคม 1960 เครื่องบินสอดแนม U2 ของสหรัฐฯถูกยิงตกลงเหนือน่านฟ้าสหภาพโซเวียต (USSR) พร้อมนักบิน Francis Gary Powers (เจ้าหน้าที่ CIA) ซึ่งรอดชีวิต ในตอนแรกสหรัฐฯปฏิเสธภารกิจเครื่องบินลำดังกล่าวถูกใช้เพื่อรวบรวมข่าวกรอง โดยอ้างว่าเป็นเครื่องบินตรวจสภาพอากาศที่บินออกนอกเส้นทาง

ภาพถ่ายนักบินและซากเครื่องบินรวมทั้งภาพถ่ายฐานทัพในรัสเซียที่นักบินถ่ายไว้ทำให้สหรัฐฯต้องยอมรับอย่างรวดเร็ว ซึ่งนำไปสู่ความแตกแยกทางการทูตและรบกวนการประชุมสุดยอดนานาชาติในกรุงปารีส ฝรั่งเศส สองปีต่อมา สหรัฐฯและสหภาพโซเวียตได้ “แลกเปลี่ยนสายลับ” เป็นครั้งแรก โดยสหรัฐฯส่งตัว Rudolph Abel เจ้าหน้าที่ข่าวกรองโซเวียตที่สหรัฐฯจับกุมได้เพื่อแลกกับ Gary Powers และนักศึกษาชาวอเมริกันที่ถูกคุมขัง

เรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับสายลับที่เกี่ยวข้องกับสหรัฐฯมีอยู่มากมาย ทั้งการถูกจับได้ว่าสอดแนมประเทศอื่นหรือการเปิดโปงอีกประเทศหนึ่งที่กำลังสอดแนมในสหรัฐฯ มีหลายเรื่องสร้างความเสียหายอย่างมาก เช่น Robert Hanssen เจ้าหน้าที่ FBI หรือ Aldrich Ames เจ้าหน้าที่ CIA ที่ทรยศต่อประเทศโดยขายข้อมูลละเอียดอ่อนให้แก่สหภาพโซเวียต

สหภาพโซเวียต “ดักฟัง (bugged)” สถานทูตสหรัฐฯในกรุงมอสโกตั้งแต่เริ่มก่อสร้างในปี 1979 - 1985 ต่อมาอาคารทั้งหลังถูกรื้อถอนและก่อสร้างใหม่ หลังจากอุปกรณ์fดักฟังทั้งหมดที่ถูกฝังอยู่ในผนังคอนกรีตถูกถอดออกหมดในที่สุดสถานทูตสหรัฐฯก็เปิดทำการในปี 2000

          หลายเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการจารกรรมและข่าวกรองถูกใช้เป็นเครื่องมือเล่นเกมการเมืองแทนที่จะใช้ป้องกันชาติ ทั้งนี้ พรรคการเมืองที่หมดอำนาจมักใช้เหตุการณ์แบบนี้โจมตีรัฐบาลปัจจุบัน เหตุการณ์ต่าง ๆ มักทำให้เกิดความกลัวขึ้นสมอง (hysteria) และโกรธแค้นเกินจริง เช่นเดียวกับวาทกรรมและความรับผิดชอบที่หลีกเลี่ยงได้และความเปราะบางในประวัติศาสตร์สงครามเย็น

วาทกรรมเกี่ยวกับบอลลูนสอดแนมของจีนในปัจจุบันแตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เมื่อ กุมภาพันธ์ 2023 สหรัฐฯยิงบอลลูนตรวจการณ์ขนาดใหญ่ตกนอกชายฝั่งเซาท์แคโรไลนา หลังจากผ่านไปสองวันความโกรธแค้นและท่าที่ทางการเมืองเริ่มปรากฎ

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯจำนวนมากซึ่งมาจากการเลือกตั้งโพสต์ภาพถ่ายตนเองพร้อมปืนไรเฟิล โดยข่มขู่ว่าจะยิงบอลลูนขนาดใหญ่ซึ่งลอยอยู่ในอากาศสูง 60,000 ฟุต เนื่องจากรัฐบาลของประธานาธิบดี Biden อ่อนแอเกินกว่าที่จะดำเนินการใด ๆ

          บอลลูนดังกล่าวน่าจะถูกปล่อยขึ้นสู่อากาศจากเกาะไห่หนาน มณฑลนอกชายฝั่งตอนใต้ของจีนเมื่อปลายมกราคม 2023 ช่วงแรกเริ่มสังเกตเห็นบอลลูน (ตรวจพบในรัฐมอนทานา) รัฐบาล Biden มองข้ามข้อกังวล ก่อนที่จะใช้มาตรการแข็งกร้าวบล็อกสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์จากอุปกรณ์ที่อยู่ใต้บอลลูน ซึ่งลอยอยู่ใกล้จุดปล่อยขีปนาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯและถูกยิงตกทะเลนอกชายฝั่งเซาท์แคโรไลนา

รัฐบาล Biden ระบุว่าบอลลูนเป็นส่วนหนึ่งของโครงการตรวจการณ์ทางอากาศที่เชื่อมโยงกับการทหารโดยมีเป้าหมายมากกว่า 40 ประเทศ ด้านรัฐบาลจีนปฏิเสธว่าบอลลูนเกี่ยวข้องกับการจารกรรมและอ้างว่าสหรัฐฯใช้เหตุการณ์นี้ “ทำสงครามข่าวสาร” เพื่อต่อต้านจีน ซึ่งตอกย้ำความตึงเครียดด้านการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างทั้งสองประเทศ

          กลุ่มประชากรที่ส่งเสียงดังโดยเฉพาะในโลกออนไลน์อ้างว่าการที่รัฐบาล Biden ปล่อยให้บอลลูนลอยเหนือมหาสมุทรก่อนที่จะสอยลงมาเป็นข้อพิสูจน์ว่าความเป็นมหาอำนาจของสหรัฐฯใกล้อัสดง นักการเมืองบางคนใช้เหตุการณ์นี้สร้างความหวาดกลัว โดยอ้างว่าบอลลูนอาจมีอาวุธเคมีหรือชีวภาพ

          แต่ในความเป็นจริงรัฐบาลพยายามหลีกเลี่ยงการยิงบอลลูนเหนือพื้นที่อยู่อาศัยของประชาชน ขณะที่บางคนรวมถึงสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯกดดันให้รัฐบาล Biden และผู้นำทางทหารชี้แจงว่าเหตุใดจึงไม่ยิงบอลลูนในช่วงที่ลอยเหนือพื้นที่รัฐอลาสกาซึ่งมีประชากรเบาบางและมีความเสี่ยงน้อยที่สุด

นอกจากนี้ ยังมีการสอบถามว่าทางการได้ตรวจพบวัตถุลอยฟ้าขนาดใหญ่ก่อนที่จะลอยเข้าสู่ดินแดน/น่านฟ้าสหรัฐฯหรือไม่ ในตอนแรกรัฐบาลระบุว่าตรวจพบวัตถุดังกล่าวแล้ว แต่กำลังปรับการป้องกันทางอากาศใหม่เพื่อให้ตรวจจับบอลลูนที่เคลื่อนที่ช้าได้ดีขึ้น

เนื่องจากวัตถุดังกล่าวไม่ใช่ภัยคุกคามจากขีปนาวุธความเร็วสูงที่ระบบสามารถตรวจจับได้ “การปรับเทียบการวัดระยะใหม่” ส่งผลให้สหรัฐฯยิงวัตถุซึ่งไม่ปรากฏชื่ออีกสามลูกตก (ลูกหนึ่งอยู่ในอลาสกา อีกลูกหนึ่งอยู่ระหว่างการประสานงานกับรัฐบาลแคนาดาและลูกที่สามในภูมิภาคเกรตเลกส์ของสหรัฐ) ทำเนียบขาวระบุว่าวัตถุทั้งสามน่าจะเชื่อมโยงกับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของเอกชนและไม่เกี่ยวข้องกับบอลลูนจีน เนื่องจากวัตถุดังกล่าวลอยอยู่ที่ระดับความสูงต่ำกว่าทำให้เป็นอันตรายต่อการบินพาณิชย์

          แม้พาดหัวข่าวเกี่ยวกับ “บอลลูนสอดแนม” จางหายไปอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ควรประเมินศักยภาพข่าวกรองของศัตรูสหรัฐฯต่ำเกินไป การโต้เถียงและความแตกแยกทางการเมืองอย่างรุนแรงอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ปฏิกิริยาของสหรัฐฯต่อภัยคุกคามที่ใกล้เข้ามา เช่น ภัยธรรมชาติหรือความขัดแย้งทางทหารที่ชอบด้วยกฎหมาย

เหตุการณ์ร้ายแรงหรือเกิดขึ้นซ้ำซากที่ชาวอเมริกันจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักการเมืองที่มองแบบมีผลแพ้ - ชนะเท่านั้น (zero sum game) หรือการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายมากเกินไปอาจทำให้ศัตรูของสหรัฐฯแสวงประโยชน์จากความแตกแยก



[1] WHAT THE CHINESE SPY BALLOON REVEALED ABOUT THE U.S. INTELBRIEF Thursday, March 16, 2023 Available at: https://mailchi.mp/thesoufancenter/what-the-chinese-spy-balloon-revealed-about-the-us?e=c4a0dc064a


Author Image

About Kim
Kim is a retired civil servant, specializing in intelligence analysis. He loves productivity hacks, minimalist workflows and CSI series.

No comments

Powered by Blogger.