1 ปี 7 ตุลาคมพลิกโฉมตะวันออกกลาง (ตอนที่ 1)

 

People hold hands at a memorial event marking the first anniversary of the 7 October attacks. Photograph: Jack Guez/AFP/Getty Images ที่มาภาพ: https://www.theguardian.com/us-news/2024/oct/07/first-thing-one-year-after-the-7-october-attacks

ารโจมตีอิสราเอลของกลุ่มฮามาสเมื่อ 7 ตุลาคม 2023 ได้โหมกระพือความขัดแย้งในภูมิภาคและละเมิดเส้นแบ่งสำคัญหลายครั้ง การประเมินสถานการณ์สงครามและความไร้เสถียรภาพในภูมิภาคก่อนการโจมตีดังกล่าวได้รับการพิสูจน์แล้วว่าผิด สงครามที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่าปัญหา “รัฐปาเลสไตน์” ยังคงเป็นความท้าทายสำคัญของภูมิภาค ขณะที่ช่องทางการทูตและความคิดริเริ่มเพื่อหาทางออกจากปัญหาความขัดแย้งที่กำลังลุกลามยังคงดำเนินอยู่[1]

          ในกันยายน 2023 เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯส่งบทความเพื่อตีพิมพ์ในนิตยสาร Foreign Affairs สรุปว่า ตะวันออกกลาง “เงียบสงบกว่าที่เคยเป็นมาในรอบหลายทศวรรษ” ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา การโจมตีอิสราเอลของกลุ่มฮามาสและผลที่ตามมาได้พลิกโฉมการประมาณการของซัลลิแวนอย่างสิ้นเชิง[2]

ความรุนแรงที่ปะทุขึ้นในภูมิภาคเบี่ยงเบนความสนใจสหรัฐฯต่อภัยคุกคามจากจีนที่ “คืบคลาน” เข้ามา การประเมินของสหรัฐฯที่ระบุว่า “สงครามยูเครน” ทำให้ความสนสนใจตะวันออกกลางของรัสเซียจำกัดอยู่ที่ซีเรียถูกสั่นคลอน ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางทำให้ภูมิภาคนี้เข้าสู่ช่วงการขยายตัวของสงครามและภัยพิบัติด้านมนุษยธรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

          ช่วงเวลาที่ซัลลิแวนส่งบทความ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯและในภูมิภาคสรุปว่าความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์และข้อเรียกร้องความเป็นรัฐปาเลสไตน์ (Palestinian demands for statehood) มิได้เป็นสาระสำคัญของการปรับศูนย์ภูมิยุทธศาสตร์ (geostrategic alignments) ของภูมิภาคอีกต่อไป

ในปี 2020 รัฐอาหรับหลายแห่งได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) บาห์เรน โมร็อกโกและซูดานได้เข้าร่วมกับอียิปต์และจอร์แดนซึ่งเป็นพันธมิตรในสนธิสัญญากับอิสราเอลมายาวนาน เพื่อปรับปรุงความสัมพันธ์ระดับปกติกับอิสราเอล ตอนที่ร่างเอกสารซัลลิแวนและเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่น ๆ เชื่อว่าซาอุดีอาระเบียกำลังบรรลุข้อตกลงสำคัญในการปรับปรุงความสัมพันธ์กับอิสราเอล

ผู้นำประเทศที่ลงนามหรือกำลังพิจารณาเข้าร่วม “ข้อตกลงอับราฮัม (Abraham Accords)”[3] แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการกำหนดจุดยืนทางยุทธศาสตร์ของตน มิได้ขึ้นอยู่กับการจัดตั้งรัฐอิสระปาเลสไตน์อีกต่อไป อย่างไรก็ดี ผู้นำอาหรับทั้งหมดยังคงยืนกรานในพันธสัญญาของอิสราเอลที่จะยุติการยึดครองและสนับสนุนการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์

          ข้อตกลงซาอุดีอาระเบีย - อิสราเอลจะช่วยเสริมสร้างพันธมิตรทางภูมิยุทธศาสตร์ที่กว้างขวางระหว่างอิสราเอล สหรัฐฯและพันธมิตรทั่วโลกรวมทั้งรัฐอาหรับที่สำคัญ การจัดกลุ่มแบบนี้เพื่อต่อต้าน “แกนนำแห่งการต่อต้าน (Axis of Resistance)[4] ซึ่งมีศูนย์กลางและเงินทุนจากอิหร่านและพันธมิตรที่พยายามโค่นล้มโครงสร้างอำนาจในภูมิภาค

ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกตั้งข้อสันนิษฐานว่า อิหร่านและพันธมิตรคงจะปรับการดำเนินการของตนให้คงอยู่ในกรอบเส้นแบ่งที่กำหนดไว้และไม่เสี่ยงที่จะทำให้เกิดสงครามเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามที่เกี่ยวข้องกับสหรัฐฯ

ในช่วงเวลาที่เกิดการโจมตีของกลุ่มฮามาส พันธมิตรอิหร่านในเยเมน คือ กลุ่มฮูซี (อันซารัลเลาะห์) ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง (เมษายน 2022) กับรัฐบาลเยเมนและดูเหมือนเต็มใจที่จะลงนามในข้อตกลงยุติความขัดแย้งในเยเมนอย่างถาวร

การติดต่อระหว่างสหรัฐฯกับอิหร่านเป็นเวลานานหลายเดือนส่งผลให้มีการแลกเปลี่ยนนักโทษจำนวนมาก ควบคู่กับการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติม ผู้เชี่ยวชาญบางคนสรุปว่าสหรัฐฯและอิหร่านอาจจะกลับมาหารือเกี่ยวกับการฟื้นฟูข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านพหุภาคีที่สำคัญในปี 2015 (JCPOA) ได้ในที่สุด

          หนึ่งปีหลังจากกองกำลังฮามาสบุกฝ่าแนวป้องกันของอิสราเอลและสังหารชาวอิสราเอลไปกว่า 1,200 คนและจับตัวประกัน 250 คนกลับไปยังฉนวนกาซา ข้อสันนิษฐานต่าง ๆ ที่นักยุทธศาสตร์ระดับโลกตั้งไว้เกี่ยวกับภูมิภาคนี้ได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นเท็จ โดยกลุ่มฮามาสเสียสละตัวเองเพื่อทำลายสมมติฐานหลักของข้อตกลงอับราฮัมที่ว่ารัฐอาหรับจะหลีกเลี่ยงข้อพิพาทอิสราเอล - ปาเลสไตน์และหันไปมุ่งเน้นความท้าทายทางเศรษฐกิจของตนเองและต่อต้านภัยคุกคามจากอิหร่าน

ส่วนข้อสันนิษฐานที่ทราบกันทั่วไปว่า ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มฮามาสและอิสราเอลได้กลายเป็นรูปแบบถาวรของการโจมตีอิสราเอลด้วยจรวดเป็นครั้งคราวและอิสราเอลตอบโต้ด้วยการโจมตีทางอากาศก็ได้รับการพิสูจน์ว่าไม่ถูกต้องเช่นกัน

          การที่ฮิซบอลเลาะห์ซึ่งเป็นพันธมิตรหลักของอิหร่าน เข้าร่วมการต่อสู้ระหว่างกลุ่มฮามาสกับกองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) ทำให้การประเมินซึ่งเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าอิสราเอลและฮิซบอลเลาะห์พยายามป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งที่สร้างความเสียหายซ้ำรอยในปี 2006 ก็ไม่เป็นจริงแต่อย่างใด

เกือบหนึ่งปีหลังการโจมตีของกลุ่มฮามาส อิสราเอลและฮิซบอลเลาะห์จำกัดปฏิบัติการของตนไว้เพียงการโจมตีด้วยปืนใหญ่และจรวดตอบโต้ในพื้นที่ใกล้ชายแดนอิสราเอล - เลบานอน การสู้รบระดับต่ำทำให้นักการทูตของสหรัฐฯ ฝรั่งเศสและในภูมิภาคคาดหวังถึงทางออกทางการทูต โดยผู้พลัดถิ่นชาวเลบานอน 90,000 คนและชาวอิสราเอล 65,000 คนจะได้กลับคืนถิ่นฐานเดิม

การขยายขอบเขตการต่อต้านฮิซบอลเลาะห์ของอิสราเอล ซึ่งเริ่มตั้งแต่กันยายน 2024 รวมทั้งการสังหารฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ ผู้นำฮิซบอลเลาะห์เมื่อ 27 กันยายน 2024 สร้างความประหลาดใจแก่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯและในภูมิภาคส่งผลกระทบความพยายามทางการทูตในการจัดทำข้อตกลงหยุดยิง

การบุกโจมตีทางภาคพื้นดินที่นำโดยกองกำลังพิเศษของอิสราเอลเข้าไปในเลบานอนตอนใต้เมื่อต้นตุลาคม 2024 สร้างความตกใจแบบไม่ทันตั้งตัวแก่ผู้เชี่ยวชาญซึ่งเคยคาดเดาว่าอิสราเอลคงจะหลีกเลี่ยงปฏิบัติการซ้ำรอยในอดีตซึ่งนำไปสู่การสู้รบภาคพื้นดินที่ยาวนานและมีค่าใช้จ่ายสูงรวมถึงการยึดครองดินแดนในเลบานอนตอนใต้

ความกังวลเกี่ยวกับสงครามครั้งใหญ่เกิดขึ้นหลังจากอิหร่านยิงขีปนาวุธโจมตีอิสราเอล 2 ครั้ง (13 เมษายน 2024 และ 1 ตุลาคม 2024) เพื่อตอบโต้การโจมตีทางอากาศของอิสราเอล ซึ่งทำลายสิ่งอำนวยความสะดวกการทูตของอิหร่านในกรุงดามัสกัสและสังหารเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (Qods Force) หลายนายและสังหารผู้บัญชาการระดับสูงของฮิซบุลเลาะห์และนาสรัลเลาะห์

ปฏิบัติการข่าวกรองของอิสราเอลยังได้สังหารอิสมาอิล ฮานีเยห์ ผู้นำระดับสูงของกลุ่มฮามาสขณะเยือนเตหะรานเมื่อ 31 กรกฎาคม 2024 ด้วย การโจมตีอิหร่านและพันธมิตรโดยอิสราเอลและการตอบโต้ของอิหร่านด้วยขีปนาวุธที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนทำให้ “สงครามเงา (shadow war) ระหว่างอิสราเอลและอิหร่านซึ่งดำเนินมาหลายทศวรรษเผยตัวออกมา

แม้ขีปนาวุธของอิหร่านส่วนใหญ่ถูกอิสราเอลสกัดกั้นไว้ได้ โดยความช่วยเหลือจากกองกำลังสหรัฐฯและพันธมิตรอาหรับบางประเทศ แต่อิสราเอลยังคงเห็นความจำเป็นที่จะต้องตอบโต้ ผู้นำอิสราเอลและสหรัฐฯได้หารือถึงขอบเขตการตอบสนองการยิงขีปนาวุธของอิหร่านเมื่อ 1 ตุลาคม 2024 ทั้งนี้ สหรัฐฯไม่ต้องการให้อิสราเอลโจมตีโรงกลั่นน้ำมันโดยเฉพาะโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน

 (ล่าสุด BBC รายงานโดยอ้าง IDF ว่าเมื่อ 26 ตุลาคม 2024 เครื่องบินรบอิสราเอลได้โจมตีเป้าหมายต่าง ๆ ในอิหร่านรวมทั้งฐานทัพป้องกันภัยทางอากาศและโรงงานผลิตขีปนาวุธและเสริมว่าการโจมตีดังกล่าวจะทำให้ IDF มี “เสรีภาพในการปฏิบัติภารกิจทางอากาศมากขึ้น” ในอนาคต)[5]

          ปรากฎรายงานในกันยายน 2024 ว่ารัสเซียอาจส่งอาวุธให้กลุ่มฮูซี เพื่อตอบโต้สหรัฐฯและยุโรปที่ส่งอาวุธให้ยูเครน โดยบ่อนเซาะข้อสันนิษฐานที่ว่ารัสเซียหมกมุ่นอยู่กับสงครามในยูเครนและไม่สามารถเข้าไปเกี่ยวข้องในภูมิภาคใด ๆ นอกเหนือจากภารกิจปัจจุบันที่สนับสนุนระบอบการปกครองของประธานาธิบดีอัสซาดในซีเรีย

ก่อนและหลังการโจมตีของกลุ่มฮามาสเมื่อ 7 ตุลาคม 2024 อิหร่านได้จัดส่งอุปกรณ์ทางทหารให้รัสเซีย โดยถือเป็นการปฏิบัติตามพันธกรณีในการช่วยเหลือรัสเซียซึ่งช่วยรักษาเสถียรภาพของประธานาธิบดีอัสซาด การยืนยันว่ารัสเซียส่งอาวุธให้กลุ่มฮูซี ฮิซบอลเลาะห์หรืออิหร่านจะทำให้ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและรัสเซียเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน



[1] ONE YEAR LATER: OCTOBER 7 UPENDS THE MIDDLE EAST INTELBRIEF Monday, October 7, 2024 Available at: https://mailchi.mp/thesoufancenter/one-year-later-october-7-upends-the-middle-east?e=c4a0dc064a

[2] การวิเคราะห์ผิดพลาดของซัลลิแวนยังคงอยู่ในบทความของ Foreign Affairs ซึ่งตีพิมพ์ห้าวันก่อนที่ผู้ก่อการร้ายฮามาสจะบุกอิสราเอลเมื่อ ตุลาคม 2023 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,000 คน ดูบทความฉบับปรับปรุงเผยแพร่ทางออนไลน์เรื่อง The Sources of American Power A Foreign Policy for a Changed World By Jake Sullivan Foreign Affairs November/December 2023 Published on October 24, 2023 เข้าภึงได้ที่https://www.foreignaffairs.com/united-states/sources-american-power-biden-jake-sullivan และเอกสารรูปแบบไฟล์ PDF ความยาว 29 หน้า สามารถเข้าถึงได้ที่: https://www.foreignaffairs.com/system/files/pdf/2023/FA_102_6_ND2023_Sullivan_print_edition_version.pdf

[3] ข้อตกลงสันติภาพตามข้อตกลงอับราฮัม: สนธิสัญญาสันติภาพ ความสัมพันธ์ทางการทูตและการฟื้นฟูความสัมพันธ์ปกติอย่างสมบูรณ์ระหว่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และรัฐอิสราเอล 15 กันยายน 2020 อิสราเอล สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหรัฐอฯ (พยาน) เข้าถึงได้ที่: https://en.wikipedia.org/wiki/Abraham_Accords

[4] เครือข่ายกองกำลังติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านและกลุ่มการเมืองในตะวันออกกลางที่อุทิศตนเพื่อต่อต้านอิทธิพลของ อิสราเอลและสหรัฐฯในภูมิภาค เข้าถึงได้ที่: https://en.wikipedia.org/wiki/Axis_of_Resistance

[5] Israel launches 'targeted' air strikes on Iranian military sites BBC Available at: https://www.bbc.com/news/articles/c5yr5ek4r8ro

Author Image

About Kim
Kim is a retired civil servant, specializing in intelligence analysis. He loves productivity hacks, minimalist workflows and CSI series.

No comments

Powered by Blogger.