ธุรกิจโรงภาพยนตร์จะอยู่รอดไหมในยุค Streaming

 

A drive-in theater in Florida showing “Trolls,” with social distancing in effect. The film’s sequel, “Trolls World Tour,” has been a hit, but angered theater owners.Credit...Vic Micolucci/Agence France-Presse — Getty Images ที่มาภาพ: https://www.nytimes.com/2020/04/28/business/amc-universal-trolls-theaters-coronavirus.html

มื่อเร็ว ๆ นี้วอร์เนอร์บราเธอร์ส (WB) กลุ่มบริษัทผลิตสื่อและความบันเทิงขนาดใหญ่สัญชาติอเมริกันได้สร้างกระแสในโลกภาพยนตร์ โดยประกาศว่าภาพยนตร์ทั้งหมดที่เปิดตัวในปี 2021 จะออกฉายในโรงภาพยนตร์ในสหรัฐฯพร้อมกับระบบสตรีมมิ่งแบบสมัครสมาชิก HBO Max ของ WarnerMedia หากแนวทางปฏิบัตินี้กลายเป็นบรรทัดฐานของโรงถ่าย (ผู้สร้างภาพยนตร์) จะส่งผลกระทบต่อรายได้ของโรงภาพยนตร์หรือไม่ จากการวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงล่าสุดในเกาหลีใต้ สรุปว่า แนวปฏิบัติดังกล่าวไม่น่าจะเป็นอันตรายต่อความอยู่รอดของโรงฉายภาพยนตร์เหมือนกับที่พวกเขากังวล[1]

          เมื่อธันวาคม 2020 ที่ผ่านมา วอร์เนอร์บราเธอร์สประกาศว่าภาพยนตร์ทั้งหมดที่จะเปิดตัวในปี 2021 จะเปิดฉายในระบบสตรีมมิ่งแบบสมัครสมาชิก HBO Max ของกลุ่ม (เปิดตัวเมื่อ 27 พฤษภาคม 2020) พร้อมกับรอบปฐมทัศน์ในโรงภาพยนตร์ในสหรัฐฯ รวมถึงภาพยนตร์ยอดนิยมเช่น Matrix 4, Dune, Godzilla vs. Kong และ The Suicide Squad ประกาศดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์ด้วยเหตุผลหลายประการ

ประการแรก ก่อนที่จะมีประกาศดังกล่าว ภาพยนตร์ฮอลลีวูดเกือบทั้งหมดจะเปิดฉายรอบพิเศษในโรงภาพยนต์เป็นเวลา เดือนก่อนที่จะฉายทางช่องเคเบิลในบ้าน อันที่จริงเจ้าของโรงภาพยนตร์ขู่ว่าจะคว่ำบาตรผู้สร้างภาพยนตร์ที่ละเมิดกฎการฉายภาพยนต์ในโรง ซึ่ง AMC Theatre เคยดำเนินการในเมษายนปี 2020 เพื่อลงโทษโรงถ่ายภาพยนตร์ NBCUniversal ที่ฉายภาพยนตร์เรื่อง Trolls World Tour ในโรงภาพยนตร์พร้อมกับช่องดิจิทัล โดยประกาศคว่ำบาตรภาพยนตร์ทุกเรื่องของผู้สร้างที่คิดเปลี่ยนแปลงการฉายภาพยนตร์[2]

ประการที่สอง ขณะที่ผู้สร้างภาพยนตร์หลายแห่งเปิดตัวภาพยนตร์ในช่องดิจิทัล เนื่องจากโรงภาพยนตร์ปิดให้บริการในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ประกาศของ WB ครอบคลุมกำหนดการฉายภาพยนต์ทั้งหมดในปี 2021 รวมทั้งภาพยนตร์ที่มีกำหนดออกฉายปลายปี 2021 ผู้สังเกตการณ์ส่วนใหญ่ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์เชื่อว่าโรงภาพยนตร์ไม่ต้องอยู่ใต้บังคับของ COVID-19 อีกต่อไป ข้อจำกัดดังกล่าวทำให้ดูเหมือนว่า WB ต้องการให้การงดฉายภาพยนต์ในโรงชั่วคราวกลายเป็นแบบถาวร

เจ้าของโรงภาพยนตร์และผู้สังเกตการณ์ในอุตสาหกรรมภาพยนต์ ได้วิพากษ์วิจารณ์การเคลื่อนไหวของ  WB ทันที Chris Johnson ซีอีโอของ Classic Cinemas เรียกการตัดสินใจของวอร์เนอร์ว่า “ไร้สาระและคิดสั้น (ridiculous and short-sighted)” Adam Aron ซีอีโอของ AMC Theatres แย้งว่า WB ควรจะ “เสียสละรายได้จำนวนหนึ่ง” จากการฉายภาพยนตร์ในโรงแบบดั้งเดิม David Sims กล่าวถึงการตัดสินใจของ WB ว่า “ผู้ชมจะมีแรงจูงใจเพียงเล็กน้อยที่จะจ่ายเงินเพิ่มเพื่อชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์” โดยสรุปว่า “เจ้าของโรงภาพยนต์มีสิทธิ์ที่จะกังวลเรื่องความอยู่รอด”

ความกังวลเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาดั้งเดิมในอุตสาหกรรม: กล่าวคือ เพื่อความสะดวก ผู้บริโภคจำนวนมากมีทางเลือกที่จะหลีกเลี่ยงประสบการณ์การชมภาพยนต์ “จอใหญ่” มารับชมภาพยนตร์เรื่องเดียวกันที่บ้าน หากเป็นเช่นนั้นจริงก็คงสร้างความเสียหายอย่างมากต่อโรงภาพยนตร์

แต่มันจริงหรือการเปิดฉายภาพยนตร์ทางช่องดิจิทัลก่อน จะส่งผลเสียอย่างมากต่อรายได้จากการฉายในโรงภาพยนต์หรือไม่ผู้เขียนบทความวิเคราะห์คำถามการวิจัยในการศึกษาล่าสุด ซึ่งสร้างความประหลาดใจแก่ผู้ที่กังวลว่าแพลตฟอร์มดิจิทัลรุกล้ำธุรกิจโรงภาพยนตร์

การศึกษาวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นกับรายได้จากการฉายภาพยนต์ในเกาหลีใต้ตั้งแต่ปี 2015 - 2018 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผู้สร้างภาพยนต์ฮอลลีวูด ได้ลดระยะเวลาฉายภาพยนตร์เฉพาะในโรงจากสามเดือนเหลือเพียงหนึ่งเดือน โดยพบว่า หลังจากควบคุมความแตกต่างระหว่างภาพยนตร์ที่เปิดตัวทางดิจิทัลก่อนกับการเปิดตัวในโรงภาพยนตร์ การเปิดตัวก่อนมีผลกระทบทางสถิติและเศรษฐกิจ โดยไม่มีนัยสำคัญต่อยอดขายตั๋วโรงภาพยนตร์ที่ลดลงประมาณร้อยละ 0.8 ของรายได้ทั้งหมดในช่วงแปดสัปดาห์แรกของภาพยนตร์ที่ฉายในเกาหลีใต้ ผู้ชมภาพยนต์ส่วนใหญ่ยังคงภักดีต่อประสบการณ์การชมภาพยนตร์ในโรง แม้พวกเขามีทางเลือกในการรับชมภาพยนตร์ที่บ้านในขณะที่ภาพยนตร์ยังคงฉายอยู่ในโรงภาพยนตร์

เราควรตีความผลลัพธ์นี้ด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากผู้บริโภคในสหรัฐฯอาจมีพฤติกรรมแตกต่างจากผู้บริโภคชาวเกาหลีใต้เมื่อมีการเปิดตัวภาพยนตร์ในช่องดิจิทัล ผลการศึกษาจะใช้กับภาพยนตร์ที่เปิดฉายช่วงวันหยุดเฉพาะในโรงภาพยนตร์เป็นเวลาอย่างน้อย 4 สัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาการเปิดตัวคล้ายกับกรอบเวลาการออกฉาย 17 วันในโรงภาพยนตร์ ที่ AMC และ NBCUniversal เจรจากัน มากกว่าจะการให้บริการแบบ “วันและวันที่” ซึ่ง WB เสนอบนช่องทาง HBO Max

          ข้อค้นพบที่เห็นได้ชัดสอดคล้องกับสิ่งที่เราเห็นในลักษณะอื่น ๆ ซึ่งหลายคนเกรงว่าผลิตภัณฑ์ดิจิทัลใหม่ ๆ จะทำลายตลาดที่มีอยู่ ตัวอย่างเช่น การวิจัยที่ผ่านมาพบว่า การขายหนังสือบนแพลตฟอร์ม Kindle ของ Amazon ไม่ได้ลดทอนยอดขายหนังสือปกแข็งอย่างมีนัยสำคัญ เพลงดิจิทัลที่ตัดจากอัลบั้มไม่ได้ทำลายรายได้เพลงโดยรวมและการเปิดตัวภาพยนตร์บน iTunes ไม่เป็นอันตรายต่อยอดขายภาพยนตร์ DVD ในแต่ละกรณีข้อมูลแสดงให้เห็นว่าการเปิดช่องทางดิจิทัลใหม่ไม่ใช่เกมที่ผู้ชนะได้ประโยชน์สูงสุด (zero-sum game) แต่ผลิตภัณฑ์ดิจิทัลใหม่ ๆ ดึงดูดลูกค้าใหม่และลูกค้าที่ยังไม่เคยใช้ผลิตภัณฑ์มาก่อน การวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในตลาดจะส่งผลดีต่อทั้งผู้บริโภคและผู้ขายในที่สุด

          สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากการศึกษาในเกาหลีใต้ชี้ให้เห็นว่า อุตสาหกรรมภาพยนตร์อาจมีกระทบคล้ายคลึงกัน ซึ่ง John Fithian ประธานสมาคมเจ้าของโรงภาพยนตร์แห่งชาติกล่าวว่า “โรงภาพยนตร์มอบประสบการณ์ดื่มด่ำอันเป็นที่รักและแบ่งปันสิ่งที่ไม่สามารถเลียนแบบได้” แต่ Jason Kilar ซีอีโอของ WarnerMedia ก็พูดถูกเช่นกันว่า การเปิดตัวภาพยนต์ในช่องดิจิทัลก่อนเปิดโอกาสทางเลือกให้กับลูกค้า “ไม่ว่าจะเป็นการเลือกชมภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเรื่องใหม่ในโรงภาพยนตร์หรือเปิดชมทาง HBO Max หรือทั้งสองอย่าง”

          นี่เป็นสัญญาณที่ให้กำลังใจ บางทีเมื่อพูดถึงการเปิดตัวภาพยนตร์ ผู้บริหารโรงถ่ายภาพยนต์และเจ้าของโรงโรงภาพยนต์มีความเห็นพ้องต้องกันมากกว่าที่พวกเขาคิด



[1] Will Movie Theaters Survive When Audiences Can Stream New Releases? by Gordon Burtch, Daegon Cho, Yangfan Liang, and Michael D. Smith Harvard Business Review January 15, 2021 Available at: https://hbr.org/2021/01/will-movie-theaters-survive-when-audiences-can-stream-new-releases?utm_medium=email&utm_source=newsletter_daily&utm_campaign=dailyalert_notactsubs&deliveryName=DM115106

[2] AMC Theaters and Universal Brawl After ‘Trolls World Tour’ Is Online Hit By Brooks Barnes New York Times April 28, 2020 Available at: https://www.nytimes.com/2020/04/28/business/amc-universal-trolls-theaters-coronavirus.html

Author Image

About Kim
Kim is a retired civil servant, specializing in intelligence analysis. He loves productivity hacks, minimalist workflows and CSI series.

3 comments:

  1. ไม่ใช่วิกฤติ แต่มันเป็นโอกาสที่จะปรับตัว อย่าง Mono Max ของไทย หรือ BB Movie Netfix หรือ HBO ี่ขายผ่านออนไน์ หรือเพิ่มแพ็คเกต ...Wifi

    ทุกวันนี้ เฉพาะ ดู Facebook Wacth หรือ Line TV หรือ ID True ก็ ล้นหลามแล้ว....

    เชื่อว่า ถ้าคนยังดูหนัง ธุรกิจก็ไปรอด.....

    ReplyDelete
  2. ฟันธงว่าไม่รอดค่ะ ���� ที่บ้านตั้งแต่มี netflix ก้อไม่เข้าโรงหนังเลยค่ะ ที่จริงก้อคิดถึงบรรยากาศในโรงหนังอยู่เหมือนกันนะค่ะ แต่หนังดีๆ งานสร้างอลังการ จนเรายอมจ่ายเงินก้อไม่มีให้ดูนะค่ะ ����

    ReplyDelete
  3. ในยุคนี้ ไม่รอดครับ

    ReplyDelete

Powered by Blogger.