ผลประกอบการ META (Facebook) กับความ “กาว” ของบิ๊กเทค

 

ที่มาภาพ: Is Meta Stock A Buy? The Bull And Bear Case After Facebook Parent's Crash https://finance.yahoo.com/m/4a97d13f-224b-3986-8f2a-52a6de3a4312/is-meta-stock-a-buy-the-bull.html

ช่วงเวลาที่ราคาหุ้นสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือ “ตลาดกระทิง” (bull market) ความฝันของนักลงทุนมักขัดแย้งกับข้อเท็จจริงพื้นฐานที่เปลี่ยนไป ในปี 2006 ตราสารหนี้บ้านเกรดสอง (Subprime Mortgage) ของสหรัฐฯเฟื่องฟูอย่างมาก ขณะที่อัตราการผิดนัดชำระหนี้เริ่มสูงขึ้น ตอนที่เกิดฟองสบู่ดอทคอมในปี 2000 - 2001 บริษัทโทรคมนาคมที่กำลังจะสูญพันธ์ยอมรับว่าการทำลายล้างของเทคโนโลยี (technological disruption) จะส่งผลกระทบต่อผลกำไรของบริษัทตน[1]

ปัจจุบันเรากำลังเผชิญห้วงเวลาที่คล้ายคลึงกัน (รู้สึกคุ้น ๆ) โดยเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2022 Meta (บริษัทแม่ของ Facebook) ประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/2021 ต่ำกว่าที่ตลาดคาด ส่งผลให้ราคาหุ้น Meta ลดลงร้อยละ 26 ในวันถัดมาและมูลค่าตลาด (Market Cap.) ลดลงมากกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐตามมาด้วยการเทขายหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี[2]

ทศวรรษที่ผ่านมา อัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจสหรัฐฯ ประกอบกับการผูกขาดของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ (big tech) ที่ถูกมองว่าจะสามารถสร้างผลกำไรอย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องกังวลกับการคุกคามของการแข่งขัน ความ “กาว” (ภาษาวัยรุ่นหมายถึง “เพ้อฝัน”) นี้เป็นคำอธิบายว่าทำไมบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่สุด 5 แห่ง (Facebook Amazon Apple Microsoft และ Google) ถึงมีมูลค่าตลาดมากกว่าร้อยละ 20 ของหุ้นในดัชนี S&P 500 ซึ่งกำลังเผชิญการทดสอบครั้งใหญ่ในขณะนี้[3]

นับตั้งแต่เข้าตลาดในปี 2012 Meta เป็นตัวอย่างสำหรับอธิบายฤทธิ์เดชและหลุมพรางของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ พิจารณาจากกฎหมายต่อต้านการผูกขาดของสหรัฐฯที่ประกาศใช้ในปี 2020 กล่าวถึงบริษัทที่ไม่มีใครเอาชนะได้ในโลกเทคโนโลยี โดยคณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (Federal Trade Commission - FTC) ระบุในคำฟ้องคดีในปี 2010 ว่า “Facebook อยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีใครเทียบซึ่งสร้างผลกำไร อย่างมหาศาล”

เมื่อพิจารณาผลประกอบการของ Meta ดูค่อนข้างอ่อนแอ กำไรของบริษัทลดลง การเติบโตชะลอตัว ผลิตภัณฑ์หลักน่าเบื่อและมีปัญหาด้านการควบคุมต้นทุน จำนวนผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ Meta ทั้งหมดรวมถึง Facebook Instagram และ WhatsApp ในไตรมาสที่ 4 ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3

ส่วนรายได้สุทธิลดลงร้อยละ 8 เมื่อเทียบเป็นรายปี (YOY) และบริษัทแจ้งว่ารายได้ในไตรมาสแรกของปี 2022 จะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 3 - 11 ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตช้าที่สุดนับตั้งแต่เข้าตลาด ต่ำกว่าอัตราเฉลี่ยร้อยละ 29 ในช่วงสามปีที่ผ่านมา (ต่ำกว่าอัตราการเติบโตที่จำเป็นในการประเมินมูลค่า)

ความยุ่งยากของ Meta สะท้อนให้เห็นการแข่งขันสองแบบ คือ แบบแรกภายในกลุ่มสื่อสังคม (social media) โดย TikTok ของจีนกลายเป็นคู่แข่งที่น่าเกรงขาม ด้วยเทคโนโลยีที่เหนือกว่าและเป็นที่นิยมในหมู่คนหนุ่มสาวมีผู้ใช้งานเดือนละมากกว่า 1,000 ล้านคน (เทียบกับ 3,600 ล้านคนของ Meta) แม้อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งห้ามด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติ แต่ TikTok ก็ได้แสดงพลังอำนาจทางภูมิศาสตร์การเมือง (geopolitical) และในเชิงพาณิชย์

แบบที่สองการแข่งขันระหว่างแพลตฟอร์ม (เทคโนโลยี) ซึ่งขยายบริการใหม่ ๆ ผ่านการควบคุมการเข้าถึงลูกค้า กฎความเป็นส่วนตัวใหม่ของ Apple ซึ่งอนุญาตให้เลือกได้ว่าจะให้แพลตฟอร์มต่าง ๆ ติดตามข้อมูลความเคลื่อนไหวของผู้ใช้งานหรือไม่ สร้างความเสียหายให้กับ Facebook ในแง่รายได้โฆษณาที่ลดลงอย่างชัดเจน เพราะการตลาดแบบ Personalized ADs และ Target ADs ทำได้ยากขึ้น

ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นเฉพาะ Meta หรือเป็นสัญญาณความแตกร้าวเชิงลึกในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี?    การประกาศผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ Apple Alphabet Amazon และ Microsoft ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาอาจนำไปสู่ข้อสรุปที่ไม่น่ากังวลมากนัก ความเหนือกว่าของ Apple ในด้านโทรศัพท์มือถือในสหรัฐฯและความสามารถในการสืบค้นข้อมูลของ Alphabet ก็ไม่มีข้อสงสัย

การแข่งขันระหว่างแพลตฟอร์มขนาดใหญ่กำลังทวีความรุนแรง ส่วนแบ่งยอดขายบริษัทขนาดใหญ่ 5 แห่งในตลาดที่ทับซ้อนกันเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 20 เป็นร้อยละ 40 ตั้งแต่ปี 2015 การลงทุนทั้งหมด (การใช้จ่ายลงทุนบวกกับการวิจัยและพัฒนา) ของกลุ่มเพิ่มขึ้นปีละ 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากพยายามแสวงหาสิ่งใหม่ ๆ เช่น metaverses หรือรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ

คำมั่นสัญญาของการเติบโตเหล่านี้นำไปสู่การทับซ้อนกันมากขึ้น ทำลายล้าง (disrupt) ผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในตลาดและกดดันผลตอบแทนระยะสั้น ในปีที่ผ่านมามีการลงทุนในกองทุนร่วมทุน 600,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เงินลงทุนบางส่วนจะมลายหายไปและบางส่วนจะเป็นการลงทุนในคู่แข่งที่จะกลายเป็นภัยคุกคามในที่สุด

หากพิจารณาอย่างใกล้ชิดจะเห็นความตึงเครียดภายนอกสื่อสังคม การสตรีมวิดีโอกลายเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดเลือดพล่าน เนื่องจากหลายบริษัททุ่มเงินก้อนโตให้กับธุรกิจกระหายเงินสดซึ่งมีอุปสรรคเล็กน้อยในการเข้าตลาด รายงานของ Wall Street Journal ระบุว่าการยกเลิกการใช้บริการของลูกค้าสตรีมมิงบางแห่งมีอัตราสูงกว่าร้อยละ 50 ในเวลาเพียงแค่ เดือนเป็นเหตุให้ราคาหุ้น Netflix ลดลงร้อยละ 33 ในปีนี้

แม้ในธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ Amazon ยังคงความโดดเด่น แต่ก็ปรากฎคู่แข่งหลายราย เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ (Walmart และ Target) หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ (Shopify) อัตรากำไรขั้นต้นของ Amazon ที่ลดลงและการลงทุนขนาดใหญ่อาจให้ประโชน์แก่ผู้บริโภคมากกว่านักลงทุน

ความแข็งแกร่งของธุรกิจคลาวด์ (Amazon Web Service) ที่ประกาศเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2022 อาจค้ำจุนมูลค่าตลาดของ Amazon ได้มากกว่าครึ่งหนึ่งของมูลค่าตลาดของ Meta ที่สูญเสียไป แต่ธุรกิจคลาวด์คงไม่สามารถทำกำไรได้ตลอดไป เนื่องจาก Alphabet Microsoft และ Oracle กำลังพยายามแข่งขันกับคลาวด์ของ Amazon

ความผิดพลาดของ Meta สะท้อนความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง เรื่อง คือ เรื่องแรกเกี่ยวข้องกับมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้นำและวายร้ายที่กำลังก้าวกระโดดไปสู่​​metaverse โดยลงทุนปีละ 10,000 ล้านดอลลาร์ กิตติศัพท์ของเขาในสายตาผู้ถือหุ้นขึ้นอยู่กับความสำเร็จในอดีตที่ผ่านมา (การเข้าซื้อกิจการ Instagram และ WhatsApp ในปี 2012 - 2014 และการเปลี่ยนย้ายธุรกิจจากเดสก์ท็อปไปยังโทรศัพท์มือถือในห้วงเวลาเดียวกัน)

ชื่อเสียงที่เป็นพิษของซักเคอร์เบิร์กและบริษัทของเขาเป็นอุปสรรคขัดขวางการขยายธุรกิจ แผนการลงทุนเงินดิจิทัลล้มเหลวเนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯคัดค้าน (สัปดาห์นี้บริษัทร่วมทุนประกาศพับแผนดังกล่าว) ทั้งนี้ ซักเคอร์เบิร์กเป็นภาระของบริษัท แต่มีสิทธิ์ควบคุมคะแนนเสียงใน Meta ความเพลิดเพลินกับการโอนอ่อนผ่อนตามของคณะกรรมการบริหารคงไม่ทำให้โครงการไปถึงไหน

เรื่องที่สอง ทัศนของนักลงทุนและรัฐบาลเกี่ยวกับบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่และตลาดหุ้น การเล่าเรื่องคดีความในปี 2010 ซึ่งเป็นการผูกขาด ครอบงำเศรษฐกิจและการลงทุนอย่างง่ายดายไม่ได้สะท้อนความเป็นจริงแต่อย่างใด การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและการลงทุนที่เพิ่มขึ้นกำลังเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์ของบริษัทเทคโนโลยีและอาจนำไปสู่การจัดตำแหน่งที่แตกต่างกันของผู้ชนะและผู้แพ้เช่นเดียวกับยุคเฟื่องฟูครั้งก่อน ตั้งแต่ตลาดปรากฎใหม่ไปจนถึงการจำนอง (mortgage)

ผลตอบแทนระดับสูงดึงดูดเงินลงทุนจำนวนมหาศาล ซึ่งอาจทำให้ความสามารถในการทำกำไรโดยรวมลดลง ด้วยน้ำหนักมหาศาลของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในตลาดหุ้นในปัจจุบัน เรื่องนี้จึงมีความสำคัญอย่างมากและความสับสนอลหม่านที่ Meta แสดงให้เห็นว่านี่ไม่ใช่แค่ความ “กาว” อีกต่อไป


[1] The meaning of Meta’s tumble Metamorphosis: Facebook and big-tech competition The Economist Feb 4th 2022 Available at: https://www.economist.com/business/2022/02/04/metamorphosis-facebook-and-big-tech-competition

[2] Facebook shares plunge more than 20% on weak earnings, big forecast miss CNBC WED, FEB 2 20223:31 PM ESTUPDATED WED, FEB 2 20228:36 PM EST Lauren Feiner @LAUREN_FEINER Availlable at: https://www.cnbc.com/2022/02/02/facebook-parent-meta-fb-q4-2021-earnings.html

[3] Meta's market value just dropped by more than most companies are worth Clare Duffy By Clare Duffy, CNN Business February 4, 2022 Available aT: https://edition.cnn.com/2022/02/03/tech/meta-facebook-market-cap-decline/index.html#:~:text=Zuckerberg%20owned%20more%20than%20398,by%20more%20than%20%2430%20billion.

Author Image

About Kim
Kim is a retired civil servant, specializing in intelligence analysis. He loves productivity hacks, minimalist workflows and CSI series.

No comments

Powered by Blogger.